จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Kabadttong Smile” ออกโพสต์ภาพเตือนภัยหลังถูกเพลี้ยจักจั่นกัดเข้าตามลำตัว จนมีอาการบวมและเกิดผื่นแดง  วันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” จะพาไปทำความรู้จัก “เพลี้ยจักจั่น” แมลงตัวเล็ก แต่มีพิษไม่เบา พร้อมทั้งยังแนะนำวิธีรักษาและป้องกันหลังโดนแมลงสัตว์กัดต่อยด้วย 

“เพลี้ยจักจั่น” เป็นแมลงที่พบได้มากในหน้าฝน ตามพื้นที่ธรรมชาติทั่วไปในประเทศไทย เป็นแมลงจำพวกปากดูด มี 2 ชนิด คือ Nephotettix virescens (Distant) และ Nephotettix nigropictus (Stal) ตัวเต็มวัยของแมลงทั้ง 2 ชนิดมีสีเขียวอ่อนและอาจมีแต้มดำบนหัวหรือปีก ขนาดลำตัวยาวไม่แตกต่างกัน ต่างกันตรงที่ N. nigropictus (Stal) มีขีดดำพาดตามความยาวของขอบหน้าผากระหว่างตาทั้ง 2 ข้าง แต่ N. virescens (Distant) ไม่มี ตัวเต็มวัยไม่มีชนิดปีกสั้น เคลื่อนย้ายรวดเร็วเมื่อถูกรบกวน สามารถบินได้เป็นระยะทางไกลหลายกิโลเมตร ชอบบินมาเล่นไฟตอนกลางคืน โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง ตุลาคม เพศเมียวางไข่ในกาบใบข้าว วางไข่เป็นกลุ่ม 8-16 ฟอง ไข่วางใหม่ๆมีสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ต่อมากลายเป็นสีน้ำตาลและมีจุดสีแดง ระยะไข่นาน 5-8 วัน ตัวอ่อนมีสีเหลืองหรือสีเขียวอ่อน ตัวอ่อนมี 5 ระยะ ระยะตัวอ่อนนาน 14-15 วัน ระยะตัวเต็มวัยประมาณ 10 วัน 

แต่อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงจากการถูกแมลงกัดต่อย เพราะเหล่าแมลงนั้นมักแฝงตัวอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน ในสวนหลังบ้าน ในแม่น้ำ ตามแนวหญ้าป่าเขา หรือที่ใด ๆ ซึ่งเมื่อถูกแมลงกัดต่อยก็อาจเกิดรอยแดงที่ผิวหนัง เกิดอาการบวม หรืออาจรู้สึกปวดตามบริเวณดังกล่าว แต่หากอาการไม่รุนแรงมากก็อาจไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจนัก เพราะโดยส่วนใหญ่แมลงเหล่านี้ไม่ทำให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรง และอาจรักษาหรือบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นด้วยตนเองได้ที่บ้าน ตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

วิธีรับมือและบรรเทาอาการจากแมลงกัดต่อย

แผลที่เกิดจากแมลงกัดต่อยนั้น อาจแตกต่างกันไปตามชนิดของแมลง แต่โดยส่วนใหญ่มักเป็นตุ่มสีแดงเล็ก ๆ บนผิวหนัง และอาจทำให้รู้สึกคัน ปวด หรือมีอาการบวมในบริเวณดังกล่าว แม้อาการเหล่านี้มักสร้างความเจ็บปวดให้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ผู้ที่ถูกแมลงกัดต่อยก็อาจอยากรักษาอาการที่เกิดขึ้นให้หายไปด้วยตนเอง โดยอาจทำตามวิธีต่อไปนี้ เพื่อให้อาการหายดีภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน

1. เมื่อถูกแมลงกัดต่อย ให้ย้ายไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้แมลงกัดต่อยซ้ำได้อีก และล้างบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บด้วยน้ำและสบู่ รวมทั้งหมั่นรักษาความสะอาดบริเวณนั้น ๆ อยู่เสมอ

หากถูกเห็บกัด มีขนของแมลง หรือมีเหล็กในติดอยู่ที่ผิวหนัง ให้นำสิ่งเหล่านั้นออกจากผิวหนังโดยใช้แหนบหรือปากกาเขี่ยขนของแมลงออก ใช้อุปกรณ์ดึงเห็บหรืออาจใช้แหนบดึงตัวเห็บโดยเฉพาะ และอาจใช้วัสดุที่แข็งอย่างสันบัตรเครดิตขูดเหล็กในของแมลงจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง เพื่อให้เหล็กในหลุดออก แต่ห้ามบีบผิวเพื่อให้เหล็กในหลุดออกมาโดยเด็ดขาด เพราะอาจทำให้พิษกระจายออกมาได้   

2. ให้ยกบริเวณที่แมลงกัดต่อยให้สูงขึ้นหากทำได้ เพื่อลดอาการปวดบวม และควรเฝ้าสังเกตบริเวณดังกล่าวในวันถัดไปด้วยว่ามีอาการปวดบวมหรือแดงมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อได้

3. ประคบเย็นบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อยด้วยถุงน้ำแข็ง ผ้าชุบน้ำเย็น หรือผ้าห่อน้ำแข็งเป็นเวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นให้พัก 10 นาทีแล้วประคบใหม่ โดยอาจทำเช่นนี้สลับไปมาเรื่อย ๆ เพื่อบรรเทาอาการปวดบวมหรือคัน ทั้งนี้ อาจอาบน้ำเย็นเพื่อช่วยลดอาการคันด้วยก็ได้

4. ห้ามแกะเกาแผลหรือทำให้แผลเปิด เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิม และอาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากเป็นเด็กเล็กที่ถูกแมลงกัดต่อย ควรตัดเล็บเด็กให้สั้น และหมั่นดูแลความสะอาดเล็บของเด็กอยู่เสมอ

5. ห้ามรัดบริเวณที่ได้รับบาดเจ็บด้วยสายรัดใด ๆ และควรถอดเครื่องประดับที่รัดแน่นบริเวณนั้นออก เพราะหากบริเวณดังกล่าวบวมขึ้น อาจทำให้ถอดเครื่องประดับออกได้ยาก

6. อาจนำสำลีก้านไปจุ่มกับนมแล้วมาป้ายบริเวณที่แมลงกัดต่อย เพราะโปรตีนในน้ำนมอาจช่วยลดอาการบวม แดง หรือการอักเสบ

7. อาจลองทาบริเวณที่แมลงกัดต่อยด้วยยาสีฟัน เบกกิ้งโซดาผสมน้ำ Tea Tree Oil น้ำมันลาเวนเดอร์ หรือหอมหั่นสด เพื่อช่วยลดอาการที่เกิดขึ้น แต่ต้องเป็นผู้ที่ไม่แพ้สารต่าง ๆ เหล่านี้

รับประทานยาพาราเซตามอลหรือยาไอบูโพรเฟนเพื่อบรรเทาอาการปวด หรืออาจลดอาการคันโดย8. การรับประทานยาต้านฮิสตามีนชนิดเม็ด ใช้ครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของไฮโดรคอร์ติโซนหรือคาลาไมน์บริเวณที่ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม ห้ามใช้ยาอื่นหากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี ไม่ควรรับประทานยาแอสไพริน เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อการป่วยเป็น Reye’s Syndrome ได้

หลังแมลงกัดต่อย มีอาการแบบไหนจึงควรไปพบแพทย์ ?

ผู้ที่ถูกแมลงกัดต่อยควรไปพบแพทย์ทันทีหากมีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน สับสน มีปัญหาด้านการหายใจ หัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อหดเกร็ง เป็นตะคริว มีอาการบวมที่เปลือกตา ริมฝีปาก ปาก และคอ เป็นลม หรือเป็นลมพิษ นอกจากนี้ หากรู้สึกว่าตนเองไม่สบายหรือมีอาการคล้ายกับอาการของไข้หวัดใหญ่ในหลายวันถัดมาหลังจากถูกแมลงกัดต่อย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาการติดเชื้อหรือโรคที่อาจเกิดขึ้นจากแมลงเหล่านั้น รวมทั้งหากแผลมีความรุนแรงขึ้นและเป็นไม่หายหลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างเหมาะสมด้วยเช่นกัน

วิธีป้องกันแมลงกัดต่อย

แม้อาจเป็นเรื่องยากที่จะหลีกหนีจากเหล่าแมลงที่อยู่รอบกาย แต่วิธีต่อไปนี้อาจช่วยให้รอดพ้นจากการถูกแมลงกัดต่อยจนได้รับบาดเจ็บได้

1. สวมใส่หมวกและเสื้อผ้าสีสว่างที่ช่วยปกปิดร่างกายได้อย่างมิดชิด และไม่ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างน้ำหอม สบู่ แชมพู โลชั่น หรือสารระงับกลิ่นกายที่มีกลิ่นหอมฉุน เพราะอาจทำให้แมลงบินเข้ามาใกล้

2. ใช้เทียนตะไคร้หอมหรือยาไล่แมลงที่มีส่วนผสมของสารเคมีอย่าง DEET ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและไม่ก่อให้เกิดอันตรายหากใช้ตามฉลากอย่างระมัดระวัง

3. ระมัดระวังเมื่อต้องอยู่ใกล้ดอกไม้ ปุ๋ยหมัก หรือถังขยะ และหากต้องนั่งรับประทานอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาหารหรือเครื่องดื่มที่รับประทานมีรสชาติหวาน โดยควรปิดภาชนะที่ใช้ใส่อาหารและเครื่องดื่มให้สนิท เพื่อไม่ให้แมลงอย่างผึ้งและต่อเข้ามาใกล้ได้

4. หากเคยแพ้แมลงอย่างรุนแรง ควรพกอุปกรณ์ปฐมพยาบาลหรืออีพิเนฟรินชนิดกระบอกฉีดไว้กับตัว รวมทั้งบอกให้คนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดทราบถึงวิธีการใช้กระบอกฉีด เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือเมื่อมีอาการแพ้แมลงได้อย่างทันการณ์

5. หากพบรังผึ้งหรือที่อยู่ของแมลง ให้ระมัดระวังและห้ามเข้าไปรบกวนแมลงเหล่านั้น รวมทั้งหากภายในบ้านหรือในสวนมีรังผึ้งหรือที่ที่แมลงอาศัยอยู่ ควรขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่สามารถช่วยกำจัดที่อยู่ของแมลงเหล่านั้นออกไปได้

5. ปิดหน้าต่างและประตูบ้านให้สนิท โดยอาจติดมุ้งลวดเพื่อไม่ให้แมลงเข้าไปภายในบ้าน รวมทั้งปิดกระจกรถเพื่อไม่ให้แมลงเข้าไปภายในรถ

6. ไม่ควรตั้งแคมป์ใกล้บ่อน้ำ หรือบึงน้ำ เพราะมักเป็นแหล่งที่อยู่ของยุงและแมลงอื่น ๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง…

เตือนเพลี้ยจักจั่นกัดแพ้หนัก แดงทั้งตัวโชคดีพบหมอทัน