“หากข้าพเจ้าได้เป็นครูอย่างที่หวังไว้ ข้าพเจ้าจะไม่สักแต่สอนหนังสือ แต่ข้าพเจ้าจะ ‘สอนคน’ คือสอนเด็ก ๆ ให้เป็นคนดี มีความรู้ มีความสามารถ และช่วยเหลือตนเอง ช่วยเหลือครอบครัว ช่วยเหลือชุมชน และช่วยเหลือประเทศชาติได้” หนึ่งในคำมั่นของ “วาสินี รุ่งเมือง (หญิง) นักเรียนทุนพระราชทาน ม.ท.ศ. รุ่นที่ 2 จังหวัดแม่ฮ่องสอน” ที่ประกาศคำมั่นในการทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาเพื่อน้องบนดอยสูง จากชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นโอกาสที่จะได้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา สู่ชีวิตข้าราชการครูที่ตั้งใจจะถ่ายทอดความรู้ที่มีให้แก่เด็ก ๆ และตั้งปณิธานอันแน่วแน่วว่าจะ “ตอบแทนแผ่นดิน…ตราบสิ้นลมหายใจ”

ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่เรียนดี ให้มีโอกาสได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นตามสาขาวิชาที่ต้องการ ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจนจบระดับปริญญาตรี วาสินีได้รับทุนพระราชทานตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2553 ทุนพระราชทานนี้ทำให้ตัวเองได้ศึกษาเล่าเรียนในสาขาวิชาที่มุ่งหวัง ซึ่งเลือกเรียนสาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เพราะมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น ‘คุณครูบนดอย’ หรือ ‘คุณครูตามถิ่นทุรกันดาร’

เมื่อสำเร็จการศึกษาตามหมุดหมายของชีวิตหวังไว้ จึงเลือกกลับมาสอบแข่งขันบรรจุข้าราชการ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง เพราะต้องการกลับมาพัฒนาเยาวชนในบ้านเกิดให้มีความรู้ มีทักษะชีวิต มีโอกาสที่ดีเหมือนตัวเขา และชีวิตข้าราชการครูที่มุ่งหวังและใฝ่ฝันไว้ก็ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2563 เป็นต้นมา

ปัจจุบัน วาสินีเป็นครู โรงเรียนบ้านกอกหลวง ตำบลแม่นาจาง อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยโรงเรียนนี้อยู่ห่างจากถนนใหญ่ประมาณ 51 กิโลเมตร ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดินทางโดยรถมอเตอร์ไซค์ กว่าสามชั่วโมง สภาพถนนหนทางมีทั้งลาดยาง คอนกรีต และลูกรัง สลับกันไป ทางลูกรังในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว ถนนก็จะเต็มไปด้วยฝุ่นหนา ส่วนในช่วงฤดูฝน ถนนก็จะสัญจรลำบาก เนื่องด้วยเส้นทางดังกล่าวต้องลัดเลาะตามภูเขา จึงต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น แต่ความยากลำบากดังกล่าวก็มิได้ทำให้น้องหญิงรู้สึกท้อแท้หรือหวาดกลัว เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตัวเองตั้งใจอยากมาสัมผัส อยากมาเรียนรู้ และอยากมาช่วยพัฒนาเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลให้มีคุณภาพชีวิต รวมถึงคุณภาพความคิดให้ดียิ่งขึ้น

แม้ว่าเส้นทางเข้าหมู่บ้านจะค่อนข้างลำบากและห่างไกล รวมถึงสื่อการเรียนการสอนอาจมีไม่ครบเหมือนอย่างโรงเรียนที่อยู่ในเมือง แต่บรรยากาศทั้งในโรงเรียนและในหมู่บ้านก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น มีความเป็นกันเอง มีความเป็นครอบครัว เพราะเป็นเรื่องปกติที่คุณครูบนดอยจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง ไม่แบ่งแยก เช่นเดียวกับเด็ก ๆ และชาวบ้านที่ให้ความเคารพ ให้ความร่วมมือต่าง ๆ แก่คณะครูและทางโรงเรียนเป็นอย่างดี สิ่งนี้จึงถือว่าเป็นกำไรของคุณครูที่ได้มาอยู่บนดอย

นอกจากการที่ได้มีโอกาสเดินทางตามความฝันจนถือว่าสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้วนั้น สิ่งที่วาสินีตั้งมั่นในปณิธานไว้เสมอก็คือ “…หากข้าพเจ้าได้เป็นครูอย่างที่หวังไว้ ข้าพเจ้าจะไม่สักแต่สอนหนังสือ แต่ข้าพเจ้าจะ ‘สอนคน’ คือสอนเด็ก ๆ ให้เป็นคนดี มีความรู้ มีความสามารถ และช่วยเหลือตนเอง ช่วยเหลือครอบครัว ช่วยเหลือชุมชน และช่วยเหลือประเทศชาติได้…”

เหนือสิ่งอื่นใด น้องหญิงรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระเมตตาพระราชทานทุนการศึกษานี้ให้แก่เขา หากไม่ได้รับทุนพระราชทานนี้ คงไม่ได้รับโอกาสดี ๆ อีกมากมายที่เข้ามาในชีวิตและครอบครัว โดยสัญญาว่าจะมอบโอกาสดี ๆ ให้ผู้อื่น จะตั้งใจถ่ายทอดวิชาอันเป็นความรู้และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก ๆ จะเป็นข้าราชการ…ข้าของแผ่นดิน ที่ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งดี ๆ เพื่อตอบแทนแผ่นดิน ตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านสืบไป.