เมื่อวันที่ 6 ส.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามการเตรียมการส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนา ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)ตอนล่าง” (บุรีรัมย์ ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ และนครราชสีมา) ว่า ได้รับรายงานว่าตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.- 5 ส.ค.64 ได้ส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับไปรักษาตัวที่ภูมิลำเนาในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคอีสานตอนล่างแล้ว 2,824 คน แบ่งเป็น จ.นครราชสีมา 404 คน, บุรีรัมย์ 458 คน, สุรินทร์ 395 คน, ศรีสะเกษ 211 คน, อุบลราชธานี 778 คน, ยโสธร 550 คน และอำนาจเจริญ 28 คน

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า การส่งผู้ป่วยดังกล่าว ได้ใช้ขบวนรถไฟ CNR ขบวนพิเศษขบวนใหม่ เป็นรถนั่งและนอนปรับอากาศ ห้องน้ำระบบปิด มีระบบปรับอากาศเหมือนบนเครื่องบิน จากสถานีรถไฟรังสิตไปยังปลายทางที่ จ.อุบลราชธานี นอกจากนี้ยังนำรถบัสโดยสารของ บขส. รับส่งผู้ป่วยจากกรมการขนส่งทหารบก (บางเขน) ไปยัง จ.อำนาจเจริญ โดยได้ปรับปรุงรถโดยสาร และกั้นห้องโดยสารระหว่างพนักงานขับรถ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และห้องโดยสาร พร้อมทั้งปรับระบบปรับอากาศบนรถ นำพลาสติกมาหุ้มบริเวณเบาะ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างเดินทาง ขณะเดียวกัน ขบ. ยังรับผู้ป่วยจาก จ.นนทบุรี ไปส่งที่ศูนย์ขนส่งทหารบก บางเขน  และยังสนธิกำลังกับหน่วยงานในระดับจังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางของผู้ป่วยให้สามารถกลับไปยังภูมิลำเนาได้อย่างสะดวก และปลอดภัย

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้ 1. กำหนดการเดินทางโดยยานพาหนะที่เหมาะสมกับปริมาณผู้ป่วยที่จะเดินทาง โดยให้ บขส. เตรียมรถบัสโดยสาร และ ขบ. ช่วยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จัดหารถสองแถว หรือรถสามล้อ ที่มีการปรับแต่งซีลกั้นตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยให้ดำเนินการวางแผนร่วมกันระหว่างจังหวัด และ สพฉ. สำหรับงบประมาณในการลำเลียงผู้ป่วยข้างต้น ให้ดำเนินการตามแนวทาง หลักเกณฑ์การใช้งบประมาณของ สพฉ. รวมทั้งให้ ขบ. หาแหล่งงบประมาณ หรือกองทุนมาใช้ดำเนินการเรื่องนี้

 2. รวบรวมตัวเลขผู้ป่วยเดินทางสะสม ขอให้จังหวัดจัดส่งข้อมูลให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อรวบรวมให้เป็นฐานข้อมูลของผู้ป่วยในภาพรวมทั้งหมดในแต่ละจังหวัด 3. ให้ สพฉ. และกระทรวงคมนาคม บูรณาการในการกำหนดจุดรับ-ส่ง ผู้ป่วยให้ชัดเจน และหลีกเลี่ยงการรับส่งในที่ที่มีประชาชนจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างการเดินทาง 4. ให้ทุกจังหวัดสรุปจำนวนเตียงว่างของโรงพยาบาล/โรงพยาบาลสนาม/ศูนย์พักคอยของ แต่ละจังหวัดเข้ามาในกรุ๊ปไลน์ เพื่อให้ สพฉ. ใช้ประกอบการวางแผนการจัดส่งผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา

และ 5. การดำเนินการจัดส่งผู้ป่วยกลับไปยังภูมิลำเนา ขอให้ใช้แนวทางการอำนวยความสะดวกการเดินทางของผู้ป่วยที่ดำเนินการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 7 จังหวัดที่ผ่านมา เพื่อนำไปใช้กับทุกจังหวัดทั่วประเทศต่อไป อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมจะเร่งเดินหน้าพาผู้ป่วยโควิด-19 กลับบ้านเกิด 7 จังหวัดอีสานตอนล่างตามภารกิจที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มอบหมาย โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่และใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยในเขตจังหวัดกรุงเทพฯ และปริมณฑล ว่าจะสามารถเดินทางกลับไปยังจังหวัดภูมิลำเนา เพื่อเข้ารับการรักษาทางการแพทย์อย่างทันท่วงที และนำความปลอดภัยมาสู่ประชาชนที่ได้รับเชื้อจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19.