วันนี้ สมาคมลูกหนังไทย นัดทีมงานที่เกี่ยวข้องในเชิงนโยบาย กำหนดทิศทางทีมชาติไทย ชุด 23 ปี มี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ นั่งหัวโต๊ะ, “แชมป์” กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด และมี มาโน โพลกิง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย ชุดใหญ่

สรุปใจความ นับจากนี้เป็นต้นไป ทีมฟุตบอลชายไทย ชุดรองจากชุดใหญ่ จะพุ่งเป้าเพื่อโอลิมปิกเกมส์ 2024 เท่านั้น กล่าวคือ แต่ละทัวร์นาเมนต์ที่เข้าร่วม จะใช้นักเตะที่อายุสามารถเล่นโอลิมปิกเกมส์ได้

ไม่ว่าจะอุ่นเครื่อง, ชิงแชมป์อาเซียน, ซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ จากนี้จะใช้นักเตะที่เกิดหลังวันที่ 1 ม.ค. 2544 (ค.ศ.2001)

สำหรับโปรแกรมทีมชาติไทย ชุด 23 ปี มีโปรแกรมช่วงปี 2565-2567 (ค.ศ. 2022-2024) ดังนี้

1.ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รุ่น 22 ปี 2023 (รอวันแข่ง)

2.ซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชา (วันที่ 5-16 พ.ค.66)

3.เอเชี่ยนเกมส์ 2022 ที่ประเทศจีน (วันที่ 23 ก.ย.-8 ต.ค.66)

4.ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก หา 15 ชาติ+เจ้าภาพ เข้ารอบสุดท้าย (รอวันแข่งขัน)

5.ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้าย (หา 4 ทีม ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่ปารีส)

ดังนั้น โปรแกรมจากนี้ไป ในปีนี้ (2022) ไม่มีทัวร์นาเมนต์แล้ว หากมีอุ่นเครื่องก็ใช้นักเตะ 21 ปี

ปีหน้า (2023) มีชิงแชมป์อาเซียน, ซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ และคัดบอลเอเชีย ก็ใช้ชุด 22 ปี

ที่สำคัญ ซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ ประกาศตรงนี้ ไม่ใช่โควตาอายุเกิน

พอปี 2024 ถึงชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้าย คัดไปโอลิมปิก ก็ 23 ปี เต็มอายุพอดี

เป็นการวางเป้าใหญ่ไว้ก่อน ส่วนเบี้ยบ้ายรายทาง เป็นส่วนประกอบต่อยอด

ไม่ใช่เก็บไปหมด จะเอาทุกอย่าง แล้วถึงงานใหญ่ค่อยว่ากัน

กำหนดยุทธศาสตร์วันนี้ จริงๆ ก็ไม่ได้ถือว่าวางแผนล่วงหน้าอะไรมากมาย เพราะปีหน้าก็เริ่มแข่งรอบคัดเลือกแล้ว

แต่อย่างน้อย ก็ยังดีที่ขีดถนนทางหลวงกันชัดๆ สู่ปารีส

สร้างเป้าหมาย วางแผนการ เป็นเรื่องดี ทำได้หรือไม่ได้ สำเร็จหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง

สิ่งสำคัญต้องไปให้ตรงตามถนนที่วางไว้

เมื่อกำหนดเส้นชัยชัดเจนแล้ว ใจต้องแข็ง

อย่าโอนไปเอนมาเมื่อใกล้ถึงทัวร์นาเมนต์ที่วางเรียงรายตามข้างทาง

อย่าออกจากเส้นทาง หากอยากเล่นใหญ่ ล่าฝันให้ได้จริงๆ.

*** วุฒินล ***