นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 ที่เมืองโซโล ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 30 ก.ค.-6 ส.ค.นี้ ว่า ประเทศไทย ส่งนักกีฬาพาราทีมชาติไทย จำนวน 310 คน ลงแข่งขันใน 14 ชนิดกีฬา ในจำนวนนี้มีนักกีฬาคลื่นลูกใหม่ เข้าร่วมการแข่งขันเกือบ 100 คน ซึ่งจะเป็นรากฐานที่ดีต่อการพัฒนาตนเองสู่การแข่งขัน รายการใหญ่ๆ อาทิ ศึกพาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส ในอีก 2 ปีข้างหน้า

“บิ๊กนิดหน่อย” กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่พาราลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปีที่ผ่านมา นักกีฬาพาราไทย ได้มีการเก็บตัวและคัดตัวในแต่ละชนิดกีฬามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีนักกีฬาหน้าใหม่เกิดขึ้นในเกือบทุกชนิดกีฬา จะเห็นได้จากมีการแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้องขอบคุณการร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และสมาคมกีฬาคนพิการทั้ง 5 สมาคม ที่รับผิดชอบ ช่วยกันเฟ้นหานักกีฬาคนพิการ จากอดีตที่ต้องใช้เวลาร่วม 10 ปี ในการสร้างนักกีฬาคนพิการหนึ่งคน แต่จากการสนับสนุนที่คงเส้นคงวา และการวางเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจน ทำให้ไทยมีนักกีฬาหน้าใหม่รอที่จะเข้ามาแทนที่รุ่นพี่มากขึ้น

“มหกรรมกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ เป็นรายการที่เราผลักดันและเปิดโอกาสให้นักกีฬาคลื่นลูกใหม่ ได้แสดงฝีมือและสร้างประสบการณ์ นักกีฬาดาวรุ่งเหล่านี้ กำลังรอที่จะก้าวขึ้นมาสานต่อความสำเร็จจากนักกีฬารุ่นพี่ที่ทำไว้ เราเชื่อว่าการผนึกรวมใจกันของนักกีฬาหน้าคนเก่าที่เคยประสบความสำเร็จและนักกีฬาหน้าใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาทนแทน จะสามารถสร้างผลงานและความสำเร็จให้ทัพนักกีฬาไทย รวมถึงสร้างความสุขให้แฟนกีฬาชาวไทยได้”

สำหรับอาเซียนพาราเกมส์ เป็นการแข่งขันกีฬาสำหรับนักกีฬาคนพิการ ที่จัดขึ้นในทุก 2 ปี โดยมีนโยบายให้ประเทศที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ด้วยในคราวเดียวกัน ซึ่งครั้งล่าสุด คือ ครั้งที่ 9 ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อ 17-23 ก.ย.2560 แต่ครั้งที่ 10 เจ้าภาพฟิลิปปินส์ ได้ยกเลิกการแข่งขัน และครั้งที่ 11 อินโดนีเซีย ได้เสนอตัวรับเป็นเจ้าภาพแทนเวียดนาม โดยจะจัดขึ้นที่เมืองโซโล ชิงชัยใน 14 ชนิดกีฬา ระหว่าง 30 ก.ค.-6 ส.ค.65 คณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ได้ส่งนักกีฬาไทยเข้าร่วมเป็นจำนวน 310 คน พร้อมผู้ฝึกสอนและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสิ้น 487 ซึ่งทั้งหมดจะเดินทางโดยสายการบินไทย เครื่องเช่าเหมาลำ ในวันที่ 26 ก.ค. แบ่งเป็น 2 ไฟลต์ เวลา 10.00 น. และ 10.30 น.