สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ส.ค.โดยอ้างจากแหล่งข่าวในทำเนียบขาว ว่ารัฐบาลวอชิงตันของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังปรับเปลี่ยนแผนการด้านสาธารณสุขให้สอดคล้องกับมาตรการเปิดพรมแดน โดยภายในอนาคตอันใกล้นี้ พลเมืองต่างชาติซึ่งประสงค์เดินทางเข้าสหรัฐ ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ครบภายในระยะเวลาที่กำหนดก่อนการเดินทาง "ภายใต้ข้อยกเว้นที่จำกัด"
ทั้งนี้ ไบเดนยังคงใช้มาตรการจำกัดการเดินทางเข้าสู่สหรัฐของพลเมืองจากหลายสิบประเทศ "ด้วยเหตุผลด้านสาธารณสุข" ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มจากจีนเป็นประเทศแรก เมื่อเดือนม.ค.ปีที่แล้ว เพิ่มชื่ออินเดียเป็นประเทศล่าสุด เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา และยังคงระงับการเข้าเมืองของชาวต่างชาติที่มีประวัติการเดินทางและการพักอาศัยในรอบ 14 วันล่าสุด เกี่ยวข้องกับสหราชอาณาจักร และบราซิล
จนถึงตอนนี้ ทำเนียบขาวยังคงหารือกับผู้บริหารของสายการบินหลายแห่ง และตัวแทนจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการกำหนดเงื่อนไขเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีความชัดเจน ว่ารัฐบาลวอชิงตันจะกำหนดเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร และจะให้การยอมรับวัคซีนที่ใช้กันในประเทศอื่น แต่ยังไม่มีการรับรองและใช้งานในสหรัฐหรือไม่ แม้วัคซีนเหล่านั้นผ่านการอนุมัติเป็นกรณีฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) แล้วก็ตาม 
ขณะเดียวกัน รัฐบาลของไบเดนยังไม่มีความเห็นที่ชัดเจน เกี่ยวกับการเดินทางข้ามพรมแดนของพลเมืองจากประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน นั่นคือเม็กซิโกซึ่งอยู่ทางใต้ และแคนาดาซึ่งอยู่ทางเหนือ ว่าจำเป็นหรือไม่ หรือมากน้อยเพียงใด ที่ผู้เดินทางมาจากทั้งสองประเทศต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ครบก่อนเดินทางมายังสหรัฐ.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES