เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่วัดบ้านโพธิ์ศรี ต.โนนเพ็ก อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธีถวายเทียนพรรษา โครงการสืบสานประเพณีแห่เทียนจำนำพรรษา ในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2565 โดยมีนายปวิช รัตวาลย์ นอภ.พยุห์ พร้อมด้วย นายบุญธรรม โคดม นายก อบต.โนนเพ็ก ดร.วิลดา อินฉัตร อดีต สว.ศรีสะเกษ ผู้บริหารท้องที่/ท้องถิ่น ผู้บริหารสถานศึกษา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับและร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

นายวัฒนา กล่าวว่า วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า จำพรรษา พิธีเข้าพรรษานี้ ถือเป็นศาสนพิธีสำหรับพระภิกษุโดยตรง ละเว้นไม่ได้ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม เริ่มนับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี และสิ้นสุดลงในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หรือวันออกพรรษา ประเพณีแห่เทียนพรรษา เป็นประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบทอดมาเป็นเวลานาน เกิดจากความจำเป็นที่ว่าสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าใช้เช่นปัจจุบัน

ดังนั้นเมื่อพระภิกษุอยู่รวมกันมาก ๆ เพื่อปฏิบัติกิจวัตร เช่น การสวดมนต์ตอนเช้ามืดและพลบค่ำ การศึกษาพระปริยัติธรรม การบูชาพระรัตนตรัย เป็นต้น จำเป็นต้องใช้แสงสว่างจากเทียน ชาวบ้านจึงได้ร่วมกันนำเทียนมาถวายซึ่งช่วงต้นก็จะถวายเป็นเทียนเล็กๆธรรมดา และต่อมาก็ได้มีการมัดเทียนเล็กๆ มารวมกันคล้ายต้นกล้วยหรือลำไม้ไผ่แล้วติดกับฐานที่เรียกกันว่าต้นเทียน หรือ ต้นเทียนพรรษา และก็วิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จนเป็นเทียนพรรษาอย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

การเข้าพรรษา แม้ว่าจะเป็นเรื่องของพระภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญรักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส ในวันนี้หรือก่อนวันนี้หนึ่งวัน พุทธศาสนิกชนมักจะจัดเครื่องสักการะเช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น มาถวายพระภิกษุ-สามเณร ที่ตนเคารพนับถือ หรือมีการช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ พอถึงวันเข้าพรรษา ก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด เพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมสืบไป