ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสรัลพัชร ประโมทะกะ รอง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ทางตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์การติดเชื้อของนักโทษและเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ

นายฉลาด อ่อนหัวโทน ผบ.เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ภายในเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีผู้ต้องขัง 2,322 คน พบผู้ติดเชื้อ1,084 คน และมีผู้คุมติดเชื้อ 5 คน ซึ่งสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 สระบุรี ได้ประสานนำรถพระราชทานตรวจหาเชื้อเคลื่อนที่และรถเอกซเรย์พระราชทานเคลื่อนที่เข้าไปตรวจนักโทษในเรือนจำแห่งนี้ เพื่อตรวจเอกซเรย์ปอดของผู้ต้องขัง โดยจะใช้เวลา 2 วัน ในการตรวจเอกซเรย์นักโทษทั้งหมด

ทั้งนี้เรือนจำได้ดำเนินการคัดแยกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ ออกไปอยู่ในแดน B แบ่งเป็นห้อง ห้องละ 50 คน ส่วนผู้ต้องขังที่ไม่พบเชื้อจะแยกไว้ที่แดน A และสถานควบคุมและตรวจพิสูจน์ นอกจากนี้ทางเรือนจำได้ประสานความร่วมมือกับรพ.พระนครศรีอยุธยา จัดหายาฟาวิพิราเวียร์และฟ้าทะลายโจรให้กับผู้ติดเชื้อ เพื่อไม่ให้เชื้อลงปอด พร้อมทั้งได้จัดอาสาสมัคร อสจร. ซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่มีวุฒิภาวะและความรู้มาช่วยดูแลผู้ติดเชื้ออีกด้วย

จากนั้น นางสรัลพัชร ได้เดินทางไปยังทัณฑ์สถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา โดยมีนายวีระ ทวีชนม์ ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา ทีมสาธารณสุข รพ.พระนครศรีอยุธยา ร่วมประชุมรายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด ซึ่งทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา มีผู้ต้องขัง รวม 1,756 คน พบผู้ติดเชื้อ 305 คน ผู้คุมติดเชื้อ 9 คน ผู้ต้องขังได้รับวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 1 จำนวน 480 คน ทั้งนี้ทัณฑสถานบำบัดพิเศษพระนครศรีอยุธยา ได้แยกผู้ติดเชื้อแต่ละแดนออกจากกันมารวมกันจุดเดียวพร้อมจัดหาฟ้าทะลายโจรและยาฟาวิพิราเวียร์ ให้กับผู้ต้องขังกลุ่มสีเหลืองและสีเขียวแล้ว 

ด้านนางสรัลพัชร กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ผู้ติดเชื้อล่าสุดทราบว่าทางเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและทัณฑสถานบำบัดพิเศษฯ ได้ดำเนินการแยกผู้ติดเชื้อออกมาจากผู้ไม่ติดเชื้อและไม่ได้ลงทำงานหรือทำกิจกรรมใดๆ เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยทางเรือนจำได้ประสาน รพ.พระนครศรีอยุธยาให้การรักษาแก่ผู้ต้องขังที่มีอาการไม่มากนักและได้เน้นย้ำมาตรการให้ผู้ต้องขัง สวมแมสก์ ตลอด 24 ชม. และใช้เจลแอลกอฮอล์ รวมทั้งสบู่ล้างมือบ่อยๆ เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้างต่อไป