สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่าสำนักงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 234 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยมีเพียงคนเดียวซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ เท่ากับว่าอีก 233 คนติดเชื้อภายในชุมชน และทำให้สถิติผู้ป่วยสะสมตอนนี้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 9,604 คน ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอีกอย่างน้อย 286 คน
ขณะที่สถิติสะสมของผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เฉพาะในรัฐนิวเซาท์เวลส์ มีจำนวนอย่างน้อย 72 ราย เพิ่มขึ้น 1 ราย เป็นชายอายุประมาณ 20 ปี ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว และเสียชีวิตระหว่างอยู่ในกระบวนการรักษาตัวเองที่บ้าน โดยการเสียชีวิตเกิดขึ้นในวันที่ 13 ของการรักษาตัว และชายคนดังกล่าวอาศัยร่วมกับผู้ป่วยอีกคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 
ทั้งนี้ นางกลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐมีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย ปฏิเสธให้ข้อมูลว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาได้อย่างไร และเมื่อใด แต่กล่าวว่า การจากไปของชายคนนี้เป็นกรณีศึกษาให้กับทุกฝ่าย ว่าโรคนี้ "เป็นโรคอันตราย" และส่งผลกระทบกับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะกับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
ปัจจุบันเมืองซิดนีย์ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ และเป็นเเมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียด้วย อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา และกำหนดการของมาตรการควบคุมครั้งใหม่ คือจะสิ้นสุดในวันที่ 28 ส.ค.นี้  อย่างไรก็ตาม เบเรจิกเลียนกล่าวว่า การผ่อนปรนอาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. หากในระหว่างนี้ ประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะในเมืองซิดนีย์ ร่วมกันฉีดวัคซีนสะสมให้ได้ "ครึ่งหนึ่ง" ซึ่งเธอกล่าวเพียงว่า "ประมาณ 6 ล้านโด๊ส" สำหรับการให้ประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม และอาจช่วยให้อีกส่วนหนึ่งได้รับวัคซีนครบ.

เครดิตภาพ : REUTERS