เมื่อวันที่ 6 ก.ค.นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายให้แก่ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศว่า ตนได้ย้ำเรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา เนื่องจากโรงเรียนต้องหยุดการเรียนการสอนที่โรงเรียนและหันมาเรียนในรูปแบบออนไลน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 กว่า 2 ปี ดังนั้นในภาคเรียนใหม่ปีการศึกษา 2565 สถานศึกษาทุกแห่งได้เปิดเรียนออนไซต์เต็มรูปแบบจึงทำให้นักเรียนมีความหลากหลายและสุ่มเสี่ยงจะเกิดเหตุความไม่ปลอดภัยในโรงเรียนได้ เช่น การทะเลาะวิวาท ปัญหาซึมเศร้า เป็นต้น ซึ่งตนได้ย้ำให้โรงเรียนทุกแห่งได้จัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เน้นละลายพฤติกรรมนักเรียน และสร้างบรรยากาศมิติการอยู่ร่วมกันในสังคมของนักเรียน เพื่อให้เกิดความรักความสามัคคีเกิดขึ้นในโรงเรียน และลดความสูญเสียในอนาคต รวมถึงการดำเนินโครงการเยี่ยมบ้านนักเรียนเชิงรุก เพื่อที่ครูจะได้ทราบถึงปัญหานักเรียน และนำไปสู่การแก้ไขอย่างเป็นระบบต่อไป

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไป นอกจากนี้ตนขอให้ทุกโรงเรียนได้ประเมินภาวะการเรียนรู้ถดถอยของนักเรียนเป็นรายบุคคล เพราะอยากให้ครูได้ปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนให้เหมาะสมกับทักษะของผู้เรียนแต่ละคน โดยเฉพะนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1-3 จะต้องเน้นการอ่านออกเขียนได้และคิดเลขเป็น ขณะเดียวกันขอให้เขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งได้เตรียมความพร้อมสำรวจว่ามีโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่กี่แห่งที่ขาดครูหรือผู้บริหารโรงเรียน หรือมีครูและผู้บริหารโรงเรียนที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จำนวนกี่แห่ง เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดสรรหาเครือข่ายความร่วมมือกับโรงเรียนคุณภาพชุมชนในพื้นที่สำหรับการบริหารจัดการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็กให้มีคุณภาพ เนื่องจากที่ผ่านมาเราจะพบว่าโรงเรียนขนาดเล็กบางแห่งไม่ได้รับการจัดสรรอัตราเกษียณอายุราชการคืน ดังนั้นเพื่อเป็นป้องกันปัญหาจึงขอให้เขตพื้นที่การศึกษาเร่งสำรวจให้ครบถ้วน ไม่ใช่วันที่ 1 ต.ค. ไม่มีครูหรือผู้บริหารดูแลโรงเรียนเลยไม่ได้เด็ดขาด อีกทั้งยังมอบให้เขตพื้นที่ไปหานวัตกรรมที่เป็นโมเดลแก้ไขปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กด้วย

“สำหรับประเด็นการเปิดเสรีกัญชา-กัญชงนั้น ได้แจ้งให้เขตพื้นที่และโรงเรียนทุกแห่งต้องยึดประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ในการห้ามใช้กัญชาในสถานศึกษาทุกกรณีอย่างเด็ดขาด รวมถึงการปรุงอาหารในโรงเรียนด้วย ซึ่งหากพบผู้บริหารโรงเรียนจะมีโทษความผิดอย่างแน่นอน ที่ปล่อยละเลยปัญหานี้” นายอัมพร กล่าว