ตามปรากฏการณ์สะท้อน “ล็อกดาวน์”เอาไม่อยู่ 14 วันอันตราย ตัวเลขพุ่ง “นิวไฮ” รายวัน ทะลุขึ้นไปแตะระดับ 1.9 หมื่น จ่อทะลักเพดาน 2 หมื่นคน ล้อไปกับตัวเลขตายเกลื่อนเมืองยอดทะลุ 4 พันราย แม้ ศบค. ล็อกความเคลื่อนไหวสกัด บล็อกการเดินทางข้ามจังหวัด แต่ดูเหมือนว่า “ไวรัสมรณะ” ลุกลาม ไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ หนีไม่พ้น “ปิดเมือง” ยกระดับ “ซีลเชื้อ” ล็อกดาวน์ต่อไปอีก 1 เดือนถึงวันที่ 31 ส.ค.นี้
ล็อกดาวน์ซ้ำแล้วซ้ำอีกกี่รอบ เจ็บยังไงก็ไม่จบวิกฤติโควิดคงอยู่อีกยาวนาน ความหวังสุดท้าย ทางรอดเดียว “กระตุ้นภูมิคุ้มกันหมู่” ปูพรมฉีดวัคซีนสู้ “ไวรัสมรณะ” ที่ก่อนหน้านี้แทงม้าเต็งผิดพลาดเรื่องวัคซีน จนตอนนี้ประเทศไทยต้องพึ่งพาวัคซีนบริจาคประทังความตาย จากความเมตตาของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ส่งไฟเซอร์ และแอสตราเซเนกามาให้ แต่ก็ยังไม่วายไม่ทั่วถึง เพียงพอต่อคนในประเทศ
ประชาชนทนกับสภาพความเป็นจริงไม่ไหว ทั้งจำนวนคนป่วย คนตายรายวัน ที่เห็นตำตา เป็นคำตอบที่รัฐบาลรู้อยู่เต็มอก ดังนั้นเกมนอกสภาเคลื่อนหนักปลุกเร้าอารมณ์คนในสังคมรอวันให้ถึงจุดพีค กับปรากฏการณ์ “ม็อบลงถนนไล่รัฐบาล” จุดชนวนจากกระแสต่อต้านรัฐบาล ผสมโรงให้ม็อบยังคงอยู่ในกระแสชุมนุมได้ต่อไป กับความพยายามป่วนในรูปแบบต่างๆ ทั้งเดินบนถนน และรูปแบบม็อบแบบใหม่ คิดค้นวิธีจัดเป็น “ขบวนรถ” ขับขี่ หรือ “คาร์ม็อบ”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกม็อบที่จัดตั้งขึ้นมีเจตนาชัดเจนเพื่อ “ไล่บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมออกจากตำแหน่ง ล่าสุดกับ “คาร์ม็อบ” เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อกิจกรรม “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” (วิภาวดีรังสิต) ซึ่งมีรถยนต์ทุกชนิดเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 1 พันคัน ถือว่า “คาร์ม็อบจุดติดแล้ว” ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด
โดยเฉพาะ “กรุงเทพฯ-ปริมณฑล” มีคาร์ม็อบ 3 ขบวน ประกอบด้วย คาร์ม็อบของ “บก.ลายจุด” นำขบวน “สมบัติทัวร์” และ “คาร์ม็อบราษฎร” นำโดย “ไผ่-เพนกวิน”รวมถึง “คาร์ม็อบคนเสื้อแดง” นำขบวนโดย “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ซึ่งมีการปลุกระดมสื่อสารกับกลุ่มต่างๆ ผ่านคลับเฮาส์ โดยวางกติการ่วมกัน ไม่มีการจอดรถ เพื่อหยุดทำกิจกรรมภาคพื้นในที่ใดที่หนึ่ง แต่จะใช้วิธีการขับรถวนไปเรื่อยๆ พร้อมกับบีบแตรและส่งสัญญาณไฟกะพริบ เน้นสันติวิธีไม่ปะทะ ไม่เอาความวุ่นวาย
แต่ก็ไม่วายเกิดเหตุการณ์ปะทะตำรวจยิงแก๊สน้ำตา พร้อมยิงกระสุนยางตอบโต้ ทว่ายังไม่นับรวม “กลุ่มม็อบทะลุฟ้า” นำโดย “ไผ่ ดาวดิน” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ก่อนหน้านี้บุกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สาดสี เขียนข้อความโจมตี และเผาหุ่นฟาง เพื่อเรียกร้องให้ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
งานนี้ไม่จบง่ายๆ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เตรียมดำเนินคดี “ราเมศ รัตนะเชวง” โฆษกพรรค ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกฎหมายพรรค เตรียมแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากมีการทำลายทรัพย์สินของพรรคให้เกิดความเสียหายเป็นการกระทำที่เกินกรอบของกฎหมายบ้านเมือง
สารพัดม็อบ สารพัดวิกฤติรุมเร้าสัญญาณอันตรายรายล้อมทุกทาง แถมซ้ำเติมกับศรัทธาประชาชนที่เหลือน้อยริบรี่ลงไปทุกที ยิ่งรอบนี้เป็นความเสี่ยงของประเทศไทย มีชีวิตประชาชนตาดำๆ เป็นเดิมพัน จึงเป็นโจทย์ที่ต้องคิดหนัก เมื่อมาถึงจุดที่ร้ายแรงที่สุดเมื่อประชาชนสิ้นสุดความอดทน “แบรนด์ลุง” จะกอบกู้ความเชื่อมั่นคะแนนนิยมคืนมาได้ทันอย่างไร.