เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานประธาน ก.ตร. นัดประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 8/2564 ผ่านระบบวิดีโอทางไกลจากทำเนียบรัฐบาลมายังห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ในวันที่ 5 ส.ค. เวลา 14.00 น. โดยการประชุมครั้งนี้เป็นที่น่าจับตา เพราะมีวาระที่น่าสนใจ คือการกำหนดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.(ตำแหน่งเฉพาะตัว) ให้กับ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. เพื่อรองรับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา กลับเข้ามานั่ง รอง ผบ.ตร. ตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลาง และกำหนดตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ (สบ8) เทียบเท่า ผบช. 1 ตำแหน่ง และผู้เชี่ยวชาญ (สบ7) เทียบเท่ารอง ผบช. 1 ตำแหน่ง ให้กับ สพฐ.ตร. นายแพทย์ (สบ7) 5 ตำแหน่ง ให้ รพ.ตร. และในเวลา 14.30 น. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ก.ต.ช. ครั้งที่ 5/2564 พิจารณาตำแหน่งตามที่ ก.ตร. เสนอ เพื่อใช้การประชุมแต่งตั้งตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. ต่อไป

ในการประชุม ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีนั้น ตามกรอบเวลาต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 31 ส.ค.64 ซึ่งคาดว่าที่ประชุมน่าจะมีการประชุมกัน 2 ครั้ง เพื่อพิจารณาระดับ “นายพลใหญ่” รอง ผบ.ตร.-ผบช. และอีกครั้งน่าจะแต่งตั้งระดับ “นายพลเล็ก” รอง ผบช.- ผบก. โดยมีทั้งในส่วนที่ทดแทนกลุ่มเกษียณอายุราชการและหมุนเวียนในระนาบเดียวกันด้วย สำหรับในปีงบประมาณ 65 มีเก้าอี้ว่า ดังนี้ ระดับ รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง, ผู้ช่วย ผบ.ตร. 9 ตำแหน่ง, ผบช. 20 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 42 ตำแหน่ง, และ ผบก. 84 ตำแหน่ง รวม 157 ตำแหน่ง แต่คาดมีการแต่งตั้งทดแทนและหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 300 ตำแหน่งด้วยกัน

สำหรับเก้าอี้สำคัญ คือ รอง ผบ.ตร. คาดว่าจะมีการเสนอรายชื่อ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ (นรต.40) ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รรก.ผบช.ภ.2 คนสนิท “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ “บิ๊กป๋อ” พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลูกชาย พล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่คาดได้ติด “พล.ต.อ.” โดย พล.ต.ท.รอย คาดว่าจะมีโอกาสขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของหน่วยในอนาคตเพราะเกษียณอายุราชการปี 67 ส่วน พล.ต.ท.ชินภัทร ถึงแม้ไม่ใช่ นรต.แต่ด้วยชื่อชั้นน่าจะได้ติด “พล.ต.อ.” ในตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) แทน พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ที่น่าจะได้ขยับไปนั่งเก้าอี้รองผบ.ตร.หลัก

ส่วน “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัย ที่ได้กลับมาสวมเครื่องแบบอีกครั้งตามคำสั่งศาล น่าจะได้รับการเยียวยาให้นั่งเก้าอี้ รอง ผบ.ตร. ในโควตาของ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย ที่ไปนั่งเก้าอี้ รอง ผบ.ตร.เฉพาะตัว ที่จะเปิดให้เป็นกรณีพิเศษรอเกษียณปีหน้า เพื่อป้องกันการร้องเรียน ฟ้องร้อง และเป็นปัญหาคาราคาซังของหน่วยงานในอนาคต และในระนาบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไม่น่าพลาด พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. (นรต.40) พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ. 7 (นรต.42 )พล.ต.ท.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบช.สงป. (นรต.37) พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 (นรต.39) พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ จตร. (นรต. 38) พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบช.ภ.8 (นรต.41) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ. 3 (นรต.41) และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก.

ระดับ “ผบช.” ที่น่าจับตาก็คงหนีไม่พ้น “แม่ทัพนครบาล” โดยปีนี้ “บิ๊กอุ้ย” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร. (สบ8) ปฏิบัติราชการ บช.น. (นรต.38) เป็นตัววางมานาน และมีชื่อ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา รอง ผบช.น. (นรต.50) เบียดคู่กันมากับนายพลรุ่นพี่อีก 2-3 นาย แต่ที่เหลือโค้งสุดท้ายก็น่าจะแค่ 2 ชื่อ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ และ พล.ต.ต.สำราญ โดยคาดว่าที่ประชุมน่าจะเคาะตามรายชื่อที่ “สั่งตรง” มาให้คุมเมืองหลวง คือ พล.ต.ต.สำราญ ขยับ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ไปนั่ง ผบช.หลักที่อื่นแทน ส่วนเก้าอี้ ผบช.ภ.2 “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ประจำฯ สายตรง “บิ๊กปั๊ด” ที่ปัจจุบันมาทำหน้าที่ รรท.ผบก.ชลบุรี นั่งเก้าอี้ดูแลภาคตะวันออก

พื้นที่ภูธรภาค3 คาดได้ชื่อ พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช.ภ.1 ไปคุมอีสานล่าง โดยมีชื่อ “เดอะเปีย” พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช. เป็นตัวสอดแทรก ส่วนภูธรภาค 5 มีชื่อ พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.5 ไปรอเสียบอยู่แล้ว ขณะที่ภูธรภาค 6 เดิมมีชื่อ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข รอง ผบช.ก. แต่ตอนนี้มีชื่อ “เดอะอ้อ” พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ประจำฯ สายตรงนายกฯ และเพื่อนสนิท ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และเลขาธิการ พปชร. มาแรงขึ้นไปคุมเหนือล่าง ขณะที่ภูธรภาค 7 มีชื่อ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ส.กตร. และ พล.ต.ต.สราวุธ สงวนโภคัย รอง ผบช.ภ.7 วัดกำลังกันวันสุดท้าย ด้านภาค 8 พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบช.ภ.8 ม้าดีดปลายเข้าวินคุมใต้ตอนบนสำเร็จ ส่วนภาค 9 ไม่น่าพลิก พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จตร.(สบ8) ขยับไปนั่งเก้าอี้ ส่วนพื้นที่เหนียวแน่นไม่ได้ขยับไปไหน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ท. ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4

สำหรับหน่วยเฉพาะด้านและสนับสนุนการปฏิบัติงานนั้น “สอบสวนกลาง” พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ก้าวขึ้นมาคุมงานเต็มตัว “เดอะแจง” พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง นั่งที่เดิม ผบช.สอท. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร มาเป็น ผบช.ปส. พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน เป็น ผบช.กมค. พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ขยับขึ้น ผบช.สทส. พล.ต.ต.ณัฐ สิงห์อุดม เป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ทำงานสนองรัฐทุกคดีได้ดีเป็น ผบช.ทท. พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ แม้โดนพิษบ่อนในภาค 2 ยังได้นั่งเก้าอี้สำคัญ ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ไปขึ้น ผบช.ส. พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา โยกเป็นจเรตำรวจ พล.ต.ต.สราวุธ สงวนโภคัย อาจจะได้ลุ้น ผบช.สตม. แต่ต้องไปเบียดกับ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผบช.กมค ที่ถูกวางตัวสืบทอดจากคนเดิม และ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข เป็น ผบช.ประจำฯ เป็นต้น