เมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ …) พุทธศักราช … (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) รัฐสภา กล่าวถึงการนัดประชุม กมธ. ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ เพื่อการพิจารณาคำแปรญัตติของสมาชิกรัฐสภาในการแก้รัฐธรรมนูญประเด็นเรื่องของระบบเลือกตั้งจำนวน 48 ฉบับ พร้อมกับการตั้งคณะทำงานพิจารณาคำแปรญัตติ ว่า ตนขอคัดค้านข้อเสนอของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ.ที่จะให้ตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำเนื้อหาตามคำแปรญัตติ เบื้องต้นเชื่อว่าคณะทำงานดังกล่าวจะถูกตั้งขึ้นเพื่อรวบรัดการทำงานและปิดปากการแสดงความคิดเห็น ถกเถียง อย่างรอบด้านของฝ่ายต่างๆ ในชั้นกรรมาธิการ
“เมื่อรัฐสภาตั้ง กมธ.แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคณะทำงาน เพื่อแยกไปทำงาน ควรให้ กมธ. ได้ทำหน้าที่แสดงความเห็น อภิปราย และถกเถียงในรายละเอียดให้รอบด้าน อีกทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญรอบนี้มีเพียง 2 มาตรา จึงควรใช้ กมธ. พิจารณา และผมมองว่าการเสนอตั้งคณะทำงานนั้น คือเหลี่ยมทางการเมือง ต้องการสร้างโอกาสให้มีบางคนที่เป็นฝ่ายรัฐบาล ทำมุบมิบ เขียนกติกา ที่เอื้อประโยชน์ของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แทนการกำหนดกติกาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และเพื่อประโยชน์ประชาชน และใช้เสียงข้างมากโหวตตามความต้องการ” นายธีรัจชัย กล่าว
นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ความพยายามเอาเปรียบทางการเมืองคือการตอกย้ำว่าต้องการสืบทอดอำนาจและผลประโยชน์ของพรรคใหญ่ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ดังนั้น กมธ.ซีกพรรคก้าวไกล จะคัดค้านเรื่องดังกล่าว แม้หากใช้เสียงลงมติจะแพ้ แต่เชื่อว่าจะได้เสียงของความชอบธรรม นอกจากนั้นยังมีประเด็นที่ต้องโต้แย้ง คือการเสนอคำแปรญัตติของพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย ที่เสนอเนื้อหาซึ่งรัฐสภาลงมติไม่รับหลักการเข้าสู่การพิจารณา แม้จะอ้างว่าการแปรญัตติเนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง ทำได้ตามข้อบังคับการประชุม แต่ต้องไม่ใช่ตีความเพื่อทำทุกอย่างที่ต้องการตามอำเภอใจ ส่วนตัวมองว่าการเสนอคำแปรญัตติที่รัฐสภาไม่รับหลักการคือสิ่งไม่ถูกต้องและเป็นการเล่นเกมทางการเมือง ที่พยายามสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองแบบตามอำเภอใจ และสร้างผลเสียหายต่อหลักนิติธรรมของบ้านเมือง.