ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่วัดอินทาราม ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ นายกฤษณะ รัตนกรณ์ อายุ 38 ปี อดีตเลขานุการนายก อบต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา ซึ่งเป็นที่รู้จักรักใคร่ของคนในพื้นที่ได้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลว มีผู้ที่รู้จักเคารพนับถือมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก สิ่งที่ทำให้ผู้มาร่วมงานแปลกใจก็คือ มีข้าวสารบรรจุถุง ถุงละ 5 กก. กองใหญ่วางอยู่บริเวณข้างที่ตั้งศพและทางออกศาลาที่ตั้งศพ

สอบถามเจ้าภาพทราบว่าเป็นความคิดของพระครูพิศิษฏ์ประชานาถ หรือ ดร.หลวงพ่อแดง นันทิโย เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง (พี่ชายแม่ของผู้ตาย) ที่ขอให้เจ้าภาพบอกผู้ที่จะนำพวงหรีดดอกไม้มาแสดงความไว้อาลัยต่อผู้จากไป ขอให้เปลี่ยนเป็นข้าวสาร ทำให้ตลอดทั้ง 3 คืนที่ตั้งศพสวดพระอภิธรรม มีผู้นำข้าวสารบรรจุถุง ถุงละ 5 กก. มามอบให้ในรูปของหรีดข้าวสารรวมแล้วประมาณ 6 ตัน หรือ 1,200 ถุง ทางเจ้าภาพก็ได้มอบข้าวสารส่วนหนึ่งให้กับหน่วยงาน องค์กร โรงเรียนต่างๆ ในถิ่นทุรกันดาร รวมทั้งผู้ยากไร้ นอกจากนี้หลังพิธีวางดอกไม้จันท์ยังได้แจกข้าวสารเป็นที่ระลึกให้กับผู้ที่มาร่วมงานประมาณ 800 คน คนละ 1 ถุง ถุงละ 5 กก. พร้อมเหรียญท้าวเวสสุวรรณวัดอินทารามรุ่น 3 เทพ คนละ 1 องค์ ขณะที่เจ้าภาพมอบเงิน 100,000 บาท ให้มูลนิธิ “บวร” จตุรัฐประชานาถ รวมทั้งยังมีผู้ทำบุญถวายวัว 12 ตัว ซึ่งวัดอินทารามจะได้นำไปมอบให้ชาวนาตามโครงการ “คอกวัวอภัยทาน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนชาวนาปลอดหนี้ ที่ จ.สุรินทร์ อุทิศให้ผู้ตายด้วย

พระครูพิศิษฐ์ประชานาถ กล่าวว่า การเปลี่ยนหรีดดอกไม้ หรือหรีดผ้ามาเป็นหรีดข้าวสาร เริ่มจากมีญาติโยมที่บนบาลศาลกล่าวท้าวเวสสุวรรณของวัดอินทารามแล้วสมหวัง ก็แก้บนกันด้วยประทัด อาตมาเห็นว่านอกจากเสียงดังแล้วยังไม่มีประโยชน์อะไร จึงขอให้แก้บนกันด้วยข้าวสาร ที่ผ่านมาทางวัดอินทารามนำข้าวสารที่ญาติโยมแก้บนท้าวเวสสุวรรณ ไปแจกผู้ยากไร้ และมอบให้ วัด โรงเรียนทั้งในและนอกพื้นที่แล้วเป็นร้อยตัน จึงนำความคิดนี้มาใช้กับงานศพที่ธรรมดาเมื่อมีงานศพ เพื่อนๆ ญาติพี่น้องตลอดจนผู้ที่เคารพนับถือผู้ตายก็จะนำพวงหรีดมาแสดงความเคารพศพ ส่วนใหญ่จะเป็นพวงหรีดดอกไม้ มองแล้วสวยงามก็จริง แต่เมื่องานเสร็จแล้วก็ทิ้งเป็นขยะหรือไม่ก็ต้องนำไปเผาทำลาย

นอกจากเป็นภาระให้กับวัดแล้วยังเป็นมลพิษ และเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์เช่นกัน แต่หากเปลี่ยนเป็นข้าวสาร เสร็จงานแล้วก็นำไปแจกผู้ยากไร้ และโรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดารเพื่อเป็นอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนจะได้ประโยชน์มากกว่า และยังเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลให้กับทั้งคนอยู่และผู้ตายอีกด้วย