เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์การประสานการปฏิบัติ (ศปป.) ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในฐานะชุดจับกุมดำเนินคดีนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และแกนนำพรรคภูมิใจไทย กับพวกกรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในเขต อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดเรื่องดังกล่าวว่า ว่าคดีนี้ทั้งนายสุนทรและนางกนกวรรณ ไม่รอดแน่นอน เหมือนกับคดี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ บุกรุกพื้นที่ป่าในพื้นที่ จ.ราชบุรี เพราะเมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

โดยคดีของนายสุนทรและนางกนกวรรณ มีความผิดใน 2 ส่วนคือ 1. การออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และ 2. บุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่บริเวณด่านเนินหอม จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นคดีอาญา

พ.อ.พงษ์เพชร กล่าวต่อไปว่า คดีนี้ตนพร้อมเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ และกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันเข้าจับกุมเมื่อต้นปี 63 เมื่อจับกุมเสร็จจะเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี แต่ตำรวจไม่รับดำเนินคดี เพราะกลัวอิทธิพลของนายสุนทร ตนรอจนถึงเวลา 01.00 น. ของวันนั้น โดยบอกว่าถ้าคุณไม่รับคดี คุณจะมีความผิด และต้องลงเลขรับคดีให้ตน เพราะเป็นการบุกรุกทรัพยากรของชาติ และอุทยานฯ เขาใหญ่เป็นมรดกโลก

“การบุกรุกเขตอุทยานฯ และการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ถือเป็นเรื่องใหญ่ แม้แต่เจ้าหน้าที่อุทยานฯเขาใหญ่ก่อนหน้านั้นยังไม่กล้าเข้าไปจับ เมื่อแจ้งความแล้วตำรวจก็ต้องส่งเรื่องไปที่อัยการ แต่ปรากฏว่าอัยการมีคำสั่งยกฟ้อง สาเหตุก็อย่างที่รู้กัน เพราะฉะนั้นงานนี้อัยการก็ต้องมีหนาวด้วย โดยทางอุทยานฯ ต้องตรวจสอบเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีใหม่ แต่เบื้องต้นนางกนกวรรณจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่” พ.อ.พงษ์เพชร กล่าว