ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่าสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนับตั้งเเต่ต้นปี 2020 ทำให้รัฐบาลของหลายประเทศต้องบังคับใช้มาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมโรคเเละลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ซึ่งมาตรการเหล่านี้ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักและเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้น NIA ในฐานะองค์กรหลักที่มุ่งใช้นวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้จัดงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO ขึ้น ตั้งแต่ปี 2020 โดยมีสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการไทยนำสุดยอดนวัตกรรมเข้าร่วมแสดงศักยภาพด้านนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศตลอด 2 ปี ของการจัดงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงการใช้ ‘นวัตกรรมเพื่อรับมือภาวะวิกฤติ’ ในระดับโลกที่มาในหลากหลายรูปแบบได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังเป็นต้นแบบให้กับงานอีเว้นท์ต่อๆ มานำไปปรับใช้ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตได้ เช่น “Virtual Concert”การนำเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์สตูดิโอเสมือนจริง เพื่อให้แฟนคลับได้ใกล้ชิดกับศิลปินและมีส่วนร่วมระหว่างการชมคอนเสิร์ต “Virtual Marketplace” ตลาดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเสมือน โดยผู้จำหน่ายและผู้ซื้อสามารถพูดคุยกันได้แบบเรียลไทม์เหมือนคุยกับแบบ face to face ทำให้การติดต่อธุรกิจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแม้จะมีอุปสรรคในการเดินทาง และเป็นเทรนด์ต่อเนื่องให้เกิดการติดต่อธุรกิจรูปแบบใหม่เกิดขึ้น นอกจากนั้น ยังเป็นการรวมทุกภาคส่วนให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศให้เข้มแข็งขึ้น

ผลงานเชิงประจักษ์ที่นับเป็นความสำเร็จจากการจัดงานดังกล่าว นอกจากจะเป็นการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อรับมือภาวะวิกฤติ และการสร้างสรรค์แพลตฟอร์มของการจัดงานในรูปแบบเสมือนจริงแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบที่ดีในหลากหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และวัฒนธรรม โดยการจัดงาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO ในปี 2020 เกิดการเข้าถึงสินค้าและบริการของ 200 สตาร์ทอัพผ่านตลาดสินค้าออนไลน์กว่า 42,000 ครั้ง เกิดการจ้างงานด้านนวัตกรรมไม่น้อยกว่า 1,500 อัตรา และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและการลงทุนมากกว่า 15,000 ราย สำหรับการจัดงานในปี 2021 สามารถสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและการลงทุนมากกว่า 300 ล้านบาท เข้าถึงสินค้าและบริการของ 200 สตาร์ทอัพ มีผู้เข้าชมผ่านช่องทางออนไลน์กว่า 181,400 ครั้ง และสิ่งสำคัญของการจัดงานทั้ง 2 ปี คือ ทำให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการพัฒนาวิชาชีพและการศึกษา

ดร. พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดงานในปี 2022 นี้ NIA ได้พัฒนาก้าวล้ำไปอีกขั้นสู่โลกของจักรวาลนฤมิต (Metaverse) ที่สมบูรณ์ เต็มรูปแบบที่สุดครั้งแรกของไทย ภายใต้แนวคิด “Reconnecting the World เชื่อมเรา เชื่อมโลก กลับมาเจอกัน” เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ และตื่นตาตื่นใจในการเข้าร่วมงานได้มากกว่าที่เคย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถสร้างตัวตน (Avatar) และทำกิจกรรมต่างๆ ในโลกเสมือนคู่ขนานไปกับโลกจริงทางกายภาพได้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงานได้แบบเรียลไทม์ ช่วยสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับผู้เข้าร่วมงาน เช่น การพูดคุยกับวิทยากรผ่านโลกเสมือน การรับชมสินค้าและบริการในโลกเสมือน

ภายในงาน SITE 2022 ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 4 ด้าน คือ 1) METAVERSE FORUM สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการเข้าร่วมสัมนาสดผ่านจักรวาลนฤมิตตลอด 3 วันเต็ม ภายใต้ 3 หัวข้อหลัก คือ GLOBAL INNOVATION CITY, INNOVATION THAILAND และ METAVERSE ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อที่น่าสนใจเกาะเทรนด์โลกมากกว่า 35 หัวข้อ ถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านนวัตกรรมจากวิทยากรทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 80 ท่าน 2) OPPORTUNITY เปิดโอกาสสำคัญในการจับคู่ทางธุรกิจผ่านกิจกรรม METAVERSE MARKETPLACE พบกับตลาดสินค้านวัตกรรมจากสตาร์ทอัพสายนวัตกรรมและองค์กรชั้นนำที่จะมาแนะนำสินค้านวัตกรรมผ่านจักรวาลนฤมิตกว่า 100 บูธ พร้อมด้วย BUSINESS CONSULTING บริการให้คำปรึกษาออนไลน์จากผู้เชี่ยวชาญภาครัฐและเอกชนกว่า 30 คน ในมากกว่า 10 สาขา และBUSINESS MATCHING การจับคู่ธุรกิจกับหน่วยงานธุรกิจกว่า 30 บริษัท 3) SHOW การแสดงนวัตกรรมที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ทางนวัตกรรมของประเทศไทย ที่สามารถนำไปสู่การขยายผลเชิงพาณิชย์และมีการใช้จริงภายใต้ธีม ‘Innovation for Crafted Living: นวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น’ และ 4) AWARD พิธีประกาศผลรางวัลอันทรงเกียรติ Prime Minister Award ให้แก่ผู้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีของประเทศ และเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจให้แก่สตาร์ทอัพและเอสเอ็มอีให้ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมด้วยรางวัลสำหรับนวัตกรรมรับมือวิกฤตเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

“แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด–19 มีแนวโน้มจะคลี่คลายไปในทางที่ดี แต่เรายังไม่สามารถวางใจได้เต็มร้อย งาน STARTUP x INNOVATION THAILAND EXPO 2022 จึงเป็นเสมือนการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดเมืองหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด–19 คลี่คลาย ซึ่งจะเป็นการเชื่อมประเทศไทยกับนานาประเทศทั่วโลกให้กลับมามีปฏิสัมพันธ์ต่อกันดังที่ผ่านมา พร้อมเปิดมุมมองใหม่ให้ทั่วโลกรับรู้ว่าประเทศไทยมีเมืองนวัตกรรม (Innovation City) ที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ และมีความพร้อมที่จะเชื่อมต่อกับเมืองนวัตกรรมจากทั่วโลกเพื่อฟื้นฟูให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันได้ต่อไป และขอเชิญชวนให้ผู้คนในแวดวงสตาร์ทอัพสายนวัตกรรม ผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม เอสเอ็มอี และผู้ที่สนใจงานนวัตกรรมเข้ามาพบปะกัน เพื่อร่วมเรียนรู้แลกเปลี่ยนแนวคิด เตรียมพร้อมเปิดประเทศต้อนรับผู้คนในแวดวงสายนวัตกรรมจากต่างประเทศไปด้วยกัน” ดร.พันธุ์อาจ กล่าวทิ้งท้าย