นายพลกฤต พวงวลัยสิน นอภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า “ทุเรียนป่าละอู” เป็นทุเรียนพันธุ์ “หมอนทอง” พระราชทาน ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สมเด็จย่า) ทรงพระราชทานให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกที่ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน ครั้ง พระราชดำเนินทรงเปิด รร.อานันท์ ที่บ้านป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2509 จนกลายเป็นผลไม้ที่นิยมปลูกกันในพื้นที่ เมื่อนำมาปลูกในพื้นที่ป่าละอูที่มีความพิเศษบนพื้นที่สูง สภาพอากาศและความอุดมสมบูรณ์ของดิน อีกทั้งเป็นการปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ จึงทำให้ได้ผลผลิตทุเรียนมีคุณภาพ มีรสหวาน เนื้อหนา เหนียว เนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน เม็ดลีบเล็ก กลิ่นไม่รุนแรง ได้รับการยอมรับจากผู้โปรดปรานทุเรียนว่า มีความพิเศษเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับเครื่องหมายสินค้า GI (Geographical Indication) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2557 แสดงถึงแหล่งเพาะปลูกที่เจาะจงแค่ที่ใดที่หนึ่ง เป็นสินค้าเด่นของชุมชนซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าการเกษตร โดยผู้มีสิทธิใช้เครื่องหมาย GI ได้แก่ เกษตรกรผู้ผลิตในพื้นที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ซึ่งได้ร่วมกันรักษาคุณภาพมาตรฐานชื่อเสียงและอัตลักษณ์เฉพาะถิ่นนี้เอาไว้

สำหรับ “ทุเรียนป่าละอู” จะเริ่มออกผลผลิตสู่ท้องตลาดตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ส.ค. โดยขณะนี้เริ่มมีทุเรียนป่าละอูบางส่วนออกจำหน่ายแล้ว พร้อมกันนี้ อ.หัวหิน ร่วมกับ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เตรียมจัดงาน “มหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู” ระหว่างวันที่ 9-17 ก.ค. นี้ ที่บริเวณ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทุเรียนให้กับผู้บริโภคโดยตรง ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในพื้นที่ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนตามมา โดยภายในงานจะมีเกษตรกรชาวสวนในพื้นที่นำผลไม้และพืชผลทางการเกษตรและของดีต่างๆ ในพื้นที่ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ มาจำหน่าย โดยเฉพาะทุเรียนป่าละอู ทั้งพันธุ์หมอนทอง และชะนี ซึ่งมีการตกลงร่วมกับเกษตรกรว่าภายในงานจำหน่ายทุเรียนป่าละอูในราคา กก.ละ 250 บาทเท่านั้น พร้อมเน้นย้ำให้เกษตรกรตัดทุเรียนที่มีคุณภาพมาจำหน่าย นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชิมทุเรียนป่าละอูจากสวนโดยตรงแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอย่าง “น้ำตกป่าละอู” ที่มีความสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถเข้าเที่ยวชมได้ทั้งปี