เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค. คณะทำงานด้านบริหารการจัดการให้บริการวัคซีนไฟเซอร์ ได้มีมติเรื่องเกณฑ์การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 1.สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศที่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ คือ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานแผนกผู้ป่วยโควิด-19 ได้แก่ แผนกผู้ป่วยนอก คลินิกทางเดินหายใจ ห้องฉุกเฉิน แผนกผู้ป่วยวิกฤต รพ.สนาม เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในฮอสพิเทล หรือปฏิบัติงานข้องเกี่ยวกับภารกิจการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 และมีชื่อปรากฏในฐานข้อมูลระบบกระทรวงสาธารณสุข (MOPH IC) ว่าได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มแล้ว อย่างน้อย 4 สัปดาห์ ระบุว่าเป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และยังไม่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นเข็มกระตุ้น

ส่วนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ไม่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ในลอตนี้ ได้แก่ ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาครบ 2 เข็ม ได้รับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 แล้ว ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวค 1 เข็ม และแอสตราเซเนกา 1 เข็ม  ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคหรือแอสตราเซเนกามาเพียง 1 เข็ม และได้รับการฉีดวัคซีนอื่นๆ

การดำเนินการการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ลอต 1.5 ล้านโด๊ส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จัดสรรเพื่อเป็นเข็มกระตุ้นเท่านั้น ไม่มีเริ่มเข็ม 1 สำรวจจำนวนผู้ต้องการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในแต่ละจังหวัดโดยดูจากจำนวนรายชื่อที่ส่งมาจากแต่ละโรงพยาบาล/จังหวัด การกระจายและจุดให้บริการวัคซีนไฟเซอร์ ใน 76 จังหวัด จะส่งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้บริการที่โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป และ รพ.ที่กำหนด ส่วนกรุงเทพมหานคร ประสานสำนักอนามัยเพื่อส่งวัคซีนไป รพ.รัฐและเอกชนที่กรมควบคุมโรคกำหนด และให้ รพ.แต่ละแห่ง แสดง/ประกาศจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ต่อสาธารณชนเพื่อความโปร่งใส

2.เกณฑ์การจัดสรรวัคซีนในแต่ละจังหวัดสำหรับกลุ่มเสี่ยงใน 13 จังหวัด จะพิจารณาจากปัจจัยดังนี้ จำนวนผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน โดยมีเป้าหมายการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุให้มีความครอบคลุม คือ กรุงเทพฯ เป้าหมาย 80% จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวดอื่น 12 จังหวัด เป้าหมายประมาณ 70% ซึ่งวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรสามารถฉีดให้ได้ตามกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ขึ้นไป

จำนวนจัดสรรเบื้องต้น คือ 1.กรุงเทพฯ 68,640 โด๊ส 2.นนทบุรี 75,360 โด๊ส 3.สมุทรปราการ 51,360 โด๊ส 4.สมุทรสาคร 21,600 โด๊ส 5.ปทุมธานี  37,920 โด๊ส 6.นครปฐม 62,880 โด๊ส 7.พระนครศรีอยุธยา 63,840 โด๊ส 8.ชลบุรี  74,400 โด๊ส 9.ฉะเชิงเทรา  42,720 โด๊ส 10.ปัตตานี 29,760 โด๊ส 11.นราธิวาส 31,200 โด๊ส 12.ยะลา 19,200 โด๊ส
และ 13.สงขลา 62,880 โด๊ส

และ 3.เกณฑ์การจัดสรรสำหรับชาวต่างชาติ เป็นชาวต่างชาติผู้มีถิ่นพำนักในประเทศไทย เน้นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรคอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และหญิงตั้งครรภ์ และผู้เดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องได้รับวัคซีนไฟเซอร์   โดยขั้นตอนลงทะเบียน ลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวงการต่างประเทศ www.expatvac.consular.go.th เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค. 2564  ตรวจสอบตัวตนและเอกสารโดยกระทรวงการต่างประเทศ และจะใส่ชื่อลงระบบ whitelists และประสานไปยั งรพ.หรือหน่วยบริการฉีดวัคซีนเพื่อยืนยันวันที่รับการฉีดวัคซีน รับการฉีดวัคซีนที่ รพ./สถานพยาบาลตามนัดหมาย ซึ่งขั้นตอนการดำเนินงาน กรมควบคุมโรคจะดำเนินงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศจะสำรวจจำนวนชาวต่างชาติในจังหวัดต่างๆ และส่งยอดความต้องการวัคซีนมาที่กรมควบคุมโรค.