ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตภายใต้ชื่อทุเรียนครบุรีออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังจากผลผลิตเริ่มแก่จัด โดยในปีนี้คาดว่าจะมีทุเรียนครบุรีออกสู่ตลาดไม่น้อยจะมีทุเรียนออกสู่ตลาดประมาณ 500 ตัน สามารถสร้างเม็ดเงินเข้ามาในพื้นที่ กว่า 70 ล้านบาท อย่างเช่นที่สวนของนายเรืองชัย จิตสม อายุ 61 ปี เกษตรกรบ้านซับระวิง ต.ลำเพียก อ.ครบุรี ปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทองเอาไว้จำนวน 5 ไร่ เริ่มมีลูกค้าเข้ามาหาเลือกซื้อถึงหน้าสวนอย่างต่อเนื่อง

นายเรืองชัย กล่าวว่า ทุเรียนที่ตนเองปลูกเอาไว้มานานกว่า 6 ปี ปีนี้ให้ผลผลิตมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยประเมินว่าขณะนี้มีผลผลิตแก่จัดเตรียมที่จะเก็บขายไม่น้อยกว่า 3,000 ลูก ชุดแรกจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ในช่วงนี้ไปจนถึงช่วงกลางเดือน มิ.ย. ประมาณ 2,000 ลูก และอีกช่วงก็คือช่วงปลายเดือน มิ.ย. อีกประมาณ 1 พันลูก คาดว่าจะได้ทุเรียนประมาณ 10 ตัน ตอนนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะขายให้ล้งที่จะเข้ามาติดต่อขอซื้อหรือไม่ เพราะใจจริงก็อยากขายหน้าสวนให้ผู้ที่สนใจ เพราะที่ผ่านมามีติดต่อขอซื้อมาจำนวนมากในช่วงปีที่แล้ว แต่ผลผลิตไม่ค่อยดี เนื่องจากมีปัญหาเรื่องของฝนชุก หนาวจัด ทุเรียนติดผลน้อย จึงมีไม่พอขาย แต่ปีนี้ได้ผลผลิตดีมากก็ยังกังวลว่าจะขายหมดทันทุเรียนสุกหรือไม่

สำหรับราคาขายหน้าสวนตอนนี้ตัดขายที่ กก.ละ 150 บาท ถือเป็นราคากำลังดี เพราะทุเรียนครบุรี มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง คือ เนื้อหวานอร่อย กรอบนอกนุ่มใน มีใยน้อย กลิ่นไม่ฉุน รับประกันความอร่อยได้แน่นอน

ทั้งนี้ จากรายงานของสำนักงานเกษตร อ.ครบุรี ล่าสุดมีสวนทุเรียนประมาณ 2000 ไร่ และเริ่มที่จะให้ผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 500 ไร่ ปีนี้คาดว่าจะมีทุเรียนออกสู่ตลาดประมาณ 500 ตัน ซึ่งจะสามารถสร้างเม็ดเงินเข้ามาในพื้นที่ กว่า 70 ล้านบาท โดยทุเรียนครบุรีถือเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากจนเรียกได้ว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ทาง อ.ครบุรี จึงเตรียมที่จะจัดทำ MOU กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน เพื่อจัดเตรียมผลผลิตส่วนหนึ่งไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของอำเภอ เพื่อเชื่อมโยงการเกษตรเข้ากับการท่องเที่ยวด้วย โดยทุเรียนครบุรีนั้นล่าสุดทางสำนักงานเกษตรอำเภอครบุรี ได้ผลักดันให้เป็นสินค้าที่ได้มาตรฐานทางการเกษตรหรือ GAP ทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้บริโภคและยกระดับสินค้าให้กับกลุ่มเกษตรกรด้วย