หลังนักกีฬาทีมชาติไทย สร้างผลงานในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม คว้าไปทั้งหมด 92 เหรียญทอง 103 เหรียญเงิน 138 เหรียญทองแดง จบอันดับ 2 ในตารางเหรียญรางวัลรวม โดยมีเวียดนาม เจ้าภาพ ครองเจ้าเหรียญทอง คว้าไป 205 เหรียญทอง 125 เหรียญเงิน 116 เหรียญทองแเดง นั้น

ล่าสุด ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้ออกมายืนยันอีกครั้งว่า กองทุนฯ ได้เตรียมเงินรางวัลอัดฉีดให้กับนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และสมาคมกีฬาที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ไว้แล้ว ซึ่งข้อมูลที่กองทุนฯ ได้รวบรวมขึ้น ณ วันที่ 23 พ.ค.65 ที่ทัพนักกีฬาไทย คว้ารวม 92 ทอง 103 เงิน 138 ทอง จะได้รับเงินอัดฉีดราว 206 ล้านบาท โดยเหรียญทอง มอบให้ 300,000 บาท เหรียญเงิน 150,000 บาท และเหรียญทองแดง 75,000 บาท ซึ่งรายละเอียดเงินรางวัลที่ชัดเจนทั้งหมด จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังได้รับการยืนยันจากสมาคมกีฬาต่างๆ อย่างละเอียดและครบถ้วน

ดร.สุปราณี เผยอีกว่า ยอดเงิน 206 ล้านบาท เป็นข้อมูลที่กองทุนฯ ได้รวบรวมและคำนวณตามตัวเลขเหรียญรางวัลและหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินรางวัลตามประกาศของกองทุนฯ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้เราอยากขอความร่วมมือให้สมาคมกีฬาต่างๆ ที่ส่งนักกีฬาร่วมชิงชัย เร่งส่งรายละเอียดของอีเวนต์ที่ได้เหรียญรางวัลและเงินรางวัลให้ถูกต้องสมบูรณ์ รวมถึงจัดส่งเอกสารมาให้กองทุนฯ ได้พิจารณา เพื่อที่กองทุนฯ จะสามารถส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ให้สามารถดำเนินการจ่ายเงินรางวัลแก่นักกีฬา เจ้าหน้าที่โค้ช และสมาคมกีฬาอย่างได้อย่างรวดเร็วต่อไป

สำหรับระเบียบว่าด้วยการมอบเงินรางวัลอัดฉีดในกีฬาซีเกมส์ ที่มีการปรับใหม่เมื่อปี 2562 โดยเหรียญทอง จะมอบให้เหรียญละ 300,000 บาท เหรียญเงิน 150,000 บาท เหรียญทองแดง 75,000 บาท ขณะที่ ผู้ฝึกสอนประเภทบุคคลและทีมกีฬาที่ไม่เกิน 6 คน ได้รับเงินรางวัลร้อยละ 20 ของเงินรางวัลที่นักกีฬาทั้งหมดได้รับ ส่วนผู้ฝึกสอนประเภททีมที่มีนักกีฬาตั้งแต่ 7 คนขึ้นไป ได้รับเงินรางวัลร้อยละ 10 ของเงินรางวัลที่นักกีฬาทั้งหมดได้รับ โดยสมาคมกีฬา จะได้รับเงินรางวัลร้อยละ 30 ของเงินรางวัลที่นักกีฬาทั้งหมดได้รับ แต่ไม่เกินวงเงิน 6,000,000 บาท

อนึ่ง ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ปี 2019 ที่ฟิลิปปินส์ ทัพไทย คว้ามา 92 ทอง 103 เงิน 123 ทอง จบอันดับ 3 ของตารางเหรียญรางวัลรวม โดยกองทุนฯ จ่ายเงินรางวัลอัดฉีดในครั้งนั้นรวมทั้งสิ้น 226,150,500 บาท แบ่งเป็นนักกีฬา 155,625,000 บาท, สมาคมกีฬา 46,215,000 บาท และผู้ฝึกสอน 24,160,500 บาท