นี่คืออนิเมะที่แฟนคลับมังงะหลายท่านรอคอย สำหรับ “Record of Ragnarok” หรือชื่อไทยว่า “มหาศึกคนชนเทพ” ซึ่งถูกวาดเป็นมังงะครั้งแรกตั้งแต่ปลายปี 2017 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีฉบับแปลไทย โดยสำนักพิมพ์ Phoenix วางจำหน่ายไปแล้ว 9 เล่ม และล่าสุด มังงะเรื่องนี้ได้ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมะแบบฉบับ Original Netflix โดยสตูดิโอ Graphinica ที่จัดเต็มซีซั่นแรก 12 ตอน

Record of Ragnarok เป็นเรื่องราวการต่อสู้ระหว่าง “เทพเจ้า VS มนุษย์” ที่มีชีวิตของเหล่ามนุษยชาติเป็นเดิมพัน… เมื่อเหล่ามนุษย์เกิดความโลภ จิตใจตกต่ำ เข่นฆ่ากันเองแบบไม่จบสิ้น รวมทั้งยังไปทำลายสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ จนกลายเป็นที่ดูถูกดูแคลนของเหล่าทวยเทพ กระทั่ง “เทพซุส” และแกนนำเทพต่าง ๆ ได้เรียกประชุมเทพเจ้าในทุกศาสนาและทุกตำนานทั่วโลก เพื่อลงความเห็นในที่ประชุมให้ทำลายล้างมนุษย์ทิ้งไป แต่จู่ ๆ “เทพธิดานักรบวัลคิวรี่” ก็เข้ามาประกาศเบรกการลงมติดังกล่าว พร้อมกับอ้างกฎข้อบังคับว่าหากจะทำลายมนุษย์ได้ ก็ต้องทำการประลองกับมนุษย์ซะก่อน โดยให้เทพเจ้าส่งตัวแทนมาต่อสู้ เพื่อตัดสินว่าชะตาของมนุษย์ชาติจะถูกทำลายตอนนี้หรือไม่ แต่ถ้าเทพเจ้าแพ้ขึ้นมา มนุษย์ก็จะได้อยู่ต่อไปอีก 1,000 ปี

ทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนทั้งหมด 13 คน กับ 13 เทพ เข้าต่อสู้ห้ำหั่นกัน หากฝ่ายไหนชนะ 7 ครั้งก่อนให้ถือว่าชนะทันที สำหรับเหล่ามนุษย์นั้นจะมี “เทพธิดาวัลคิวรี่” เป็นคนคัดเลือกมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในด้านต่าง ๆ มาต่อกรกับเทพเจ้า ซึ่งก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า พลังของเทพเจ้านั้นสูงส่งเกินกว่าที่เหล่ามนุษย์จะเอาชนะได้ ทางเดียวที่จะมีโอกาสต่อกรกับเหล่าเทพ จึงมีแค่เพียงให้เหล่า 13 เทพธิดาวัลคิวรี่ แปลงกายเป็นอาวุธเทพ (โวลุนด์) ร่วมต่อสู้ไปกับมนุษย์ที่ถูกเลือก เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสในการคว้าชัยชนะนั่นเอง

โดยตัวแทนเทพเจ้าที่เข้าร่วมประลอง ได้แก่ ธอร์ (นอร์ส) เทพเจ้าสายฟ้า, ซุส (กรีก) มหาเทพสูงสุดของกรีก, โปเซดอน (กรีก) มหาเทพแห่งมหาสมุทร, เฮอร์คิวลิส (กรีก) วีรบุรุษลูกครึ่งเทพมนุษย์ที่ทรงพลังที่สุด, พระศิวะ (อินเดีย) มหาเทพผู้ทำลายล้างและผู้สร้างของพราหมณ์-ฮินดู, ศากยมุนี (อินเดีย) พระพุทธเจ้า ศาสดาแห่งศาสนาพุทธ, บิชามอนเท็น (ญี่ปุ่น) เทพแห่งโชคลาภ เทพสงคราม, โลกิ (นอร์ส) เทพแห่งการกลั่นแกล้ง, เบลเซบับ (ฮิบรู) จ้าวนรก ปีศาจแมลงวัน, อนูบิส (อียิปต์) ผู้ดูแลนรก, ซูซาโนโอะ (ญี่ปุ่น) เทพนักรบผู้ปราบมังกร, อพอลโล (กรีก) เทพแห่งแสงสว่าง และ โอดิน (นอร์ส) มหาเทพสูงสุดของนอร์ส ผู้รอบรู้

ขณะที่ผู้เข้าร่วมประลองของฝ่ายมนุษย์ มีดังต่อไปนี้ ลิโป้ เฟยเสียง (จีน) นักรบที่ทรงพลังที่สุดในยุคสามก๊ก, อดัม (ฮิบรู) มนุษย์คนแรกในไบเบิล, ซาซากิ โคจิโร่ (ญี่ปุ่น) นักดาบผู้ใช้วิชากันริว, แจ็ค เดอะ ริปเปอร์ (อังกฤษ) ฆาตกรโรคจิตแห่งลอนดอน, ไรเด็น ทาเมมอน (ญี่ปุ่น) นักซูโม่ในตำนาน, โอคิตะ โซจิ (ญี่ปุ่น) นักดาบอัจฉริยะแห่งชินเซ็นกุมิ, เกรเกอรี รัสปูติน (รัสเซีย) พ่อมดผู้ปั่นป่วนราชวงศ์โรมานอฟ, นิโคลัส เทสล่า (สหรัฐ) นักประดิษฐ์อัจฉริยะผู้ค้นพบไฟฟ้ากระแสสลับ, นอสตราดามุส (ฝรั่งเศส) นักทำนายชื่อก้องโลก, ซีโม เฮยา (ฟินแลนด์) มือปืนผู้สร้างสถิติฆ่าสูงสุด, ซากาตะ กินโทคิ (ญี่ปุ่น) คินทาโร่ในตำนานญี่ปุ่น, ลีโอนีดัส (สปาร์ตา) กษัตริย์นักรบแห่งสปาร์ตา และ ฉินซีฮ่องเต้ (จีน) จักรพรรดิองค์แรกของจีน ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ฉิน

สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านมังงะเรื่องนี้มาก่อน แล้วมาดู “อนิเมะ” ใน Netflix ทันที ก็ย่อมจะรู้สึกว่าเรื่องราวไหลรื่นราบเรียบจนแทบจะหลับ มีความยืดเยื้อหลายซีน แถมพล็อตของอนิเมะก็ทำออกมาหลวม ๆ  กว่าจะลงไม้ลงมือต่อสู้กันได้ก็แทบข้ามไปอีกตอน นอกจากนี้ “ฉากแฟลชแบ็ค” หรือ เล่าเรื่องย้อนอดีต บางทีก็มีเนื้อหามากเกินไป โดยเหล่าคอ “อนิเมะ” ในไทยและนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ลงความเห็นตรงกันว่า การทำอนิเมะเรื่องนี้ยังพิถีพิถันไม่มากพอ อาจต้องใช้เวลานานกว่านี้ในการทำ ถึงจะทำให้ภาพออกมาดูสวยงามเกิดความสมดุลย์กว่านี้ เพราะที่ฉายให้ชมตอนนี้ ความสวยงามของภาพยังไม่ผ่าน โดยเฉพาะฉากการต่อสู้ที่ดูยังขาดช่วง แถมยังชอบค้างท่าทางไว้แบบดื้อ ๆ หวังจะบิ้วท์อารมณ์ให้ผู้ชมรู้สึกฮึกเหิมไปกับตัวละคร คล้าย ๆ กับในมังงะ แต่ปรากฏว่าไม่ได้ผล การทำภาพดังกล่าวทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนหนังกำลังยืดยาวออกไปอีก สิ่งเหล่านี้ถือเป็นบทเรียนที่ทีมงานควรจะนำไปปรับแก้ไข ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่าในซีซั่นที่ 2 ทางทีมงานจะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง.

ภาณุพงศ์ ส่องสว่าง