เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2564 เว็บไซต์ หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ได้เผยข่าวประชาสัมพันธ์และกิจกรรม รูปแบบวีดิทัศน์ โครงการโคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต ด้วยการลงมือทำเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่สู่ความยั่งยืน ความว่า เศรษฐกิจพอเพียงในยุคนี้คือเกษตร เกษตรคือประเทศ ก็คือผืนดิน คืออารยประเทศ เกษตรประเทศก็คืออารยประเทศ ทำได้โดยประยุกต์หลายๆ ทฤษฎีเข้าด้วยกัน และเพื่อเป็นต้นแบบการสืบสาน รักษา ต่อยอด คุณค่าและอารยธรรมของแผ่นดินให้กับปวงชนชาวไทยอย่างเป็นรูปธรรมของการพัฒนาตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพื้นที่จัดทำโครงการคลองหนองนาพระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต แก่ข้าราชบริพารในพระองค์ ได้นำไปใช้ต่อยอดเพื่อความยั่งยืนของชีวิตในอนาคต โดยแบ่งเป็น 4 พื้นที่ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการสืบสาน รักษา ต่อยอด คุณค่าและอารยธรรมของแผ่นดิน โดยประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง และทำนาที่ขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นพื้นที่เรียนรู้ของเหล่าข้าราชบริพารของหน่วยงานในพระองค์ เพื่อได้เข้าใจหลักแนวคิด ตั้งแต่ทฤษฎีไปจนถึงปฏิบัติจริง ได้เรียนรู้และแก้ไขปัญหา และสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต จึงเป็นดั่งหมุดหมายของการก้าวสู่อารยประเทศ ประเทศที่มั่นคง มั่งคั่งจากวัฒนธรรม และภูมิปัญญาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า “การอบรมข้าราชบริพารเป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งว่า เราอยู่ใกล้ อย่าใกล้เกลือกินด่าง ให้มาร่วมกันถวายงานสืบสานพระราชดำริด้วยกัน มาเรียนรู้ตั้งแต่วางแผนการใช้ที่ดินอย่างไร องค์ความรู้ทั้งหลักคิด ทั้งหลักปฏิบัติ ทั้งเทคนิคต่างๆ ในการที่จะมาอบรมทั้งหมด แล้วค่อยเอาไปประยุกต์ให้เหมาะกับบ้านของเขา เหมาะกับภูมิประเทศของเขา เหมาะกับวัฒนธรรมของบ้านเขา”

ซึ่งหัวใจสำคัญของการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ลงสู่การปฏิบัติคือการทำความเข้าใจในหลักคิด และลงมือทำเพื่อเรียนรู้จากการปฏิบัติด้วยตนเอง จากการทดลอง ศึกษา เรียนรู้ และผสานความหลากหลายตามความคิดของแต่ละคนบนหลักการของโคกหนองนา เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมคิด ร่วมทำ นำสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้คือความอุดมสมบูรณ์ของอาหารและการเสริมคุณภาพชีวิต ซึ่งก็คืออาหารและการเกษตร

ร.อ.ทศพร วงศ์ศรีสังข์ ผู้เข้าฝึกอบรมรุ่นที่ 1 เผยว่า “จากการฝึกอบรม 14 วัน ก็รู้สึกว่าได้รับความรู้ทางด้านวิชาการและทางด้านการปฏิบัติ ทำให้ผมเห็นภาพเลยครับว่า หลังจากฝึกอบรมไปแล้ว ผมจะนำความรู้และภาพต่างๆ ได้รับการฝึกนี้ไปทำที่บ้าน”

ร.ต.ต.สุรเชษฐ์ เสริมบุญส่ง ผู้เข้าฝึกอบรมรุ่นที่ 1 กล่าวว่า “โคกหนองนากับความยั่งยืนเกิดขึ้นได้จริง จากการที่ได้ลงมือทำจริง ศึกษาจริง และได้รับความรู้จากอาจารย์ยักษ์ค่อนข้างเยอะ ทำให้เห็นว่าโคกหนองนามีประโยชน์ช่วงนี้ค่อนข้างมาก เพราะว่าหนึ่งเราสามารถหาของกินในพื้นที่ของเราเองเล็กๆ น้อยๆ แต่เราสามารถอยู่ในพื้นที่ของเราได้”

ด้าน พ.ต.อ.มานะชัย อ้นภู ผู้เข้าฝึกอบรมรุ่นที่ 1 กล่าวว่า “เราไม่ได้ทำเพื่อร่ำรวย เราไม่ได้ทำเพื่อค้าขาย สิ่งนี้จะทำให้เราอยู่อย่างยั่งยืนและสามารถทำให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข”

และ พ.ต.อ.ปราโมท มานพ ผู้เข้าฝึกอบรมรุ่นที่ 1 เผยว่า “ได้ความรู้เกี่ยวกับหลักการคิด นอกจากรู้เรื่องการเกษตรและความมั่นคงทางอาหารแล้ว หลักการคิดในการรู้จักพอ คำว่า “พอ” ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไร ทำตามกำลังที่มีอยู่ มีมากก็ทำมาก แต่ให้พอประมาณมีเหตุผล”

จากความเข้าใจในหลักคิด หลักทำ ตามปรัชญาใหม่ของการพัฒนาจากเศรษฐกิจพอเพียง สู่โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต เกษตรเพื่ออารยนครา คุณค่าอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน สู่ความมั่งคั่งและยั่งยืนเพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทุกคน.