เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมของหอผู้ป่วยเฉพาะกิจหรือ Hospital และโรงพยาบาลเอกชน ทั้งนี้ ในที่ประชุม เจ้าของและตัวแทนโรงพยาบาลเอกชนได้นำเสนอปัญหา และแนวทางการรับผู้ป่วย การรักษา และการลดการติดเชื้อ ซึ่งต่างยอมรับว่า ต้องเพิ่มเตียงสีเหลือง-แดง ห้องความดันลบ และต่างนำเสนอปัญหาที่คล้ายกันคือ capacity การรองรับผู้ป่วย นอกจากนี้มีข้อกังวลว่าแม้จะขยายเตียงมากเท่าไหร่ จะรองรับผู้ป่วยได้เพียงพอหรือไม่ หากการควบคุมการระบาดยังไม่เป็นผล โดยเฉพาะวัคซีนที่เป็นหัวใจสำคัญ

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ย้ำว่ารัฐบาลเร่งรัดสนับสนุนการนำเข้า จัดหาวัคซีนทั้งของรัฐและเอกชน โดยวัคซีนหลักของรัฐบาลคือ ซิโนแวค แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และกำลังดำเนินการด้านเอกสารของ สปุตนิก วี ส่วนวัคซีนทางเลือกที่เอกชน ซื้อผ่านราชวิทยาลัยฯ เป็นต้น เช่น ซิโนฟาร์ม ที่มีเข้ามาแล้ว ขณะที่โมเดอร์นาที่จะเข้ามาไตรมาส 4 ซึ่งขึ้นกับบริษัทต้นทาง แต่รัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ อย่างไรก็ตามในส่วนของวัคซีนทางเลือกของเอกชนจะเร่งและสนับสนุนให้มีการนำเข้า และย้ำว่าวัคซีนแจกจ่ายให้ทั่วถึงตามสัดส่วนประชากรและการระบาด

นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ทุกส่วนต้องทำงานทั้งเชิงรุก เช่น การขยายเตียงและการตรวจสอบคัดกรอง ต้องมีการบูรณาการงานร่วมกัน ยืนยันว่าชีวิตประชาชนคนไทย ตัองได้รับการดูแล ส่วนข้อกฎหมายที่ติดขัดจะแก้ไข และมีให้แพทย์การบริหารจัดการโรคทำงานได้ รวมทั้งชุด Antigen test Kit (ATK) ที่จะมีการแจกจ่ายไปตรวจ และเมื่อตรวจแล้วจะดำเนินการต่ออย่างไรต้องให้ชัดเจน นอกจากนี้ขอร่วมมือกันและพูดคุยกัน เพื่อไม่สร้างความสับสนให้กับประชาชน.