เมื่อเวลา 22.20 น. วันที่ 29 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์พิเศษเผยแพร่ทางเพจไทยคู่ฟ้า ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ศบค.ประกาศล็อคดาวน์ แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงศบค.มีแนวทางขยายเวลาล็อกดาวน์ และเพิ่มมาตรการให้สูงขึ้นกว่านี้อีกหรือไม่ ว่า ทั้งหมดจะต้องปรึกษาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของแพทย์ สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหลายหน่วยงาน โดยมีการประชุมของศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศปก.ศบค.) ทุกวัน และกระทรวงสาธารณสุขก็มีคณะทำงานประชุมกันทุกวัน การจะเสนออะไรเข้ามาก็จะเข้าศปก.ศบค.และเข้ามาที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่เพื่ออนุมัติ ฉะนั้นทั้งหมดจะเร็วไม่ช้า เพราะเขาประชุมกันทุกวัน วันไหนที่มีเรื่องเร่งด่วนตนก็จะอนุมัติในฐานะที่เป็นผอ.ศบค.แต่จะต้องผ่านที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ เพื่อให้ทุกหน่วยงานได้มาช่วยกัน เพราะหลายมาตรการช่วยกันทั้งหมด ไม่ใช่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนมาตรการที่จะล็อคดาวน์เข้มข้นหรือไม่นั้น ทางคณะแพทย์โดยความเห็นของทีมแพทย์และทีมสาธารณสุขก็ยังคงเห็นชอบในมาตรการเดิมอยู่ และการที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ยังไม่ลดลงเกิดขึ้นจากหลายประการด้วยกัน คือ ถ้าเราสามารถปฏิบัติตามมาตรการที่ประกาศไปแล้ว ทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมันก็อาจจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง และอุปสรรคอยู่บ้าง แต่สิ่งสำคัญคือความร่วมมือในการปฎิบัติตามมาตรการดังกล่าวที่ห้ามตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ก็ขอให้อย่าทำเลย ถ้าหากยังมีการทำอยู่ มันก็ทำอะไรไม่ได้ การแพร่ระบาดก็ยังมากขึ้นการเดินทาง การมั่วสุมอะไรต่างๆซึ่งวันนี้มีหลายกรณีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นต้นตอของการระบาด ทั้งนี้ หากพิจารณาการแพร่ระบาดของเรา หากพิจารณามองดูแล้วน่าตกใจ การเสียชีวิตในแต่ละวัน แต่อยากให้สนใจดูตัวเลขต่างๆของต่างประเทศและเพื่อนบ้าน วันนี้ทุกประเทศในโลกได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้นสิ้นท่ามากหรือจะน้อยบ้าง ซึ่งในระดับต้นต้นก็มีหลายประเทศที่เห็นอยู่ มากกว่าประเทศเราหลายเท่าของประเทศเราตั้งใจว่าไม่อยากให้มีการเสียชีวิต แต่ถ้าสมมุติว่าเราทำตามมาตรการที่ออกไปครบทุกอย่าง อย่างน้อยก็ป้องกันตัวเองได้ก่อนป้องกันครอบครัวได้ก่อน ตัวเองไม่ไปติดเชื้อจากข้างนอกแล้วไม่เอาเชื้อไปแพร่คนในครอบครัว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า บอกแล้วว่าการฉีดวัคซีนไม่ใช่ไม่ติดเชื้อคือถ้าไปใกล้ชิดกับคนติดเชื้อมีปัญหาแน่นอนจะเอาไปติดคนที่บ้าน หลายบ้านมีคนออกมาทำงานก็เอาเชื้อไปติดคนในบ้านซึ่งมาตรการในครอบครัวสำคัญ ตนคิดว่าพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูงจำเป็นต้องระวังตนเอง อย่างไรก็ตามตัวเลขผู้ติดเชื้อสีแดงที่เพิ่มขึ้นทุกวันแน่นอนตนทราบว่าประชาชนให้ความสนใจในเรื่องตัวเลขเหล่านี้เจ็บเท่าไหร่ตายเท่าไหร่ หรือเพิ่มขึ้นเท่าไหร่แต่อยากให้สนใจว่าต่างชาติเขาเกิดอะไรขึ้น เขาทำอะไรอย่างไร มาตรการที่ผ่านมามีทั้งล็อคดาวน์เต็มหรือไม่ล็อคดาวน์บ้าง และมีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเหมือนกัน แต่ก็ยังเอาไม่อยู่ เพราะถ้าหากไม่มีความร่วมมือกันทั้งหมด ปัญหาในระบบมันต้องมีคนจำนวนมาก เราใช้บุคลากรทางการแพทย์เป็นแสน เพื่อดูแลคน 70 ล้านคน ระบบที่เรามีตนคิดว่าระบบไม่มีปัญหา มีปัญหาเรื่องความเพียงพอของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องลงไปดูแลมากขึ้น.