เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงผลการพิจารณา กมธ.ว่าที่ประชุมได้ลงมติรับรายงานของอนุ กมธ. ทั้งสิ้น 3 คณะ ได้แก่ อนุ กมธ.ที่ดิน และสิ่งก่อสร้าง อนุ กมธ.ด้านการศึกษา และ อนุ กมธ.ฝึกอบรม สัมมนา ประชาสัมพันธ์ ค่าจ้างเหมาบริการ ค่าจ้าง ที่ปรึกษา ค่าเช่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไปราชการต่างประเทศ งบดำเนินงาน งบเงินอุดหนุน และงบรายจ่ายอื่น โดย กมธ.ชุดใหญ่มีข้อซักถามในรายละเอียดบางประเด็นที่สงสัย แต่ภาพรวมการพิจารณาไม่มีปัญหา สำหรับการลงมตินั้น ถือเป็นกระบวนการพิจารณาปกติที่ กมธ.ชุดใหญ่ ต้องลงมติว่าจะรับหรือไม่รับรายงานของอนุ กมธ.ฯ อย่างไรก็ดีการลงมติจาก กมธ.ฝ่ายค้านนั้น เห็นด้วยกับรายงานของอนุ กมธ.ฯ ยกเว้น กมธ. ในส่วนของพรรคก้าวไกล ที่ลงมติงดออกเสียง ทั้งนี้เข้าใจว่าเป็นการแสดงตามจุดยืนของพรรคก้าวไกล
นายสรวุฒิ ในฐานะประธานอนุ กมธ.ครุภัณฑ์และไอซีที กล่าวด้วยว่าสำหรับอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ จะเป็นคณะอนุ กมธ. ท้ายสุดที่จะพิจารณา เบื้องต้นคาดว่าจะมีความดุเดือด หลังจากที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ฐานะ กมธ.งบประมาณและอนุ กมธ.ฯ ตั้งประเด็นที่จะให้กองทัพเรือแสดงเอกสารการจัดซื้อเรือดำน้ำ รวมถึงโครงการจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบก (แอลพีดี) ก่อนจะอนุมัติเงินค่างวดเรือดำน้ำระยะที่ 1 ซึ่งเสนอขอประมาณ 1,000 ล้านบาท
“ผมมองว่าเรื่องที่ กมธ.ซีกเพื่อไทย ดำเนินการและจะขอให้ กมธ.งบฯ ใช้มติชี้ขาด คือการเล่นการเมืองมากเกินไป ทั้งที่ในการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรก กองทัพเรือได้เปิดเผยรายละเอียดแล้ว ส่วนการจัดซื้อลำที่ 2 และ 3 นั้น ยังต้องขออนุญาตจากหน่วยเหนือหน่วยงานอีกครั้ง เพราะติดเงื่อนไขที่ว่าหากเปิดเผยรายละเอียดสัญญากับบริษัทผู้ค้าก่อนอาจทำให้มีปัญหาได้” นายสรวุฒิ กล่าว
นายสรวุฒิ กล่าวยืนยันว่าสำหรับงบประมาณที่กองทัพเรือขอในส่วนเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 จำนวน 900 ล้านบาท ถูกถอนออกแล้ว และเหลือเพียงการเสนอของบประมาณเพื่อชำระเงินค่างวด ประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนที่นายยุทธพงศ์ ตั้งข้อสังเกตว่า ของบน้อยกว่าปี 2564 ที่ได้รับ 2,000 ล้านบาท ตนไม่เข้าใจว่าต้องการอะไร เพราะขอน้อยหรือขอมาก กลับตั้งข้อสังเกตที่เป็นปัญหาอีก