เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า นายอิกนาซิโอ กัสซิส รองประธานาธิบดีและรมว.ต่างประเทศสมาพันธรัฐสวิส มีกำหนดเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 1-3 ส.ค.นี้ โดยการเยือนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองการครบรอบ 90 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สวิส ในปี 2564 ซึ่งเป็นโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้หารือเพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสาธารณสุข การลดก๊าซเรือนกระจก การศึกษา การค้าและการลงทุน
นายธานี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ รองประธานาธิบดีฯ จะเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมทั้งพบหารือกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นอกจากนี้ ฝ่ายสวิสยังได้นำเครื่องช่วยหายใจ 102 เครื่อง และชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบเร็ว (Rapid Antigen Test) 1.1 ล้านชุด มามอบให้แก่ฝ่ายไทยด้วย โดยทั้งเครื่องช่วยหายใจและชุดตรวจหาเชื้อเหล่านี้ ได้ถูกส่งถึงท่าอากาศสุวรรณภูมิแล้วในวันนี้ (29 ก.ค.) โดยมีนางจุฬามณี ชาติสุวรรณ อธิบดีกรมยุโรป พร้อมด้วยนางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทีเอดา เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปรับอุปกรณ์ดังกล่าว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำหรับการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากต่างประเทศนั้น เมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายอีวัน โจนส์ อุปทูตรักษาราชการแทนเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายมาร์ก กุดดิง ว่าที่เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรฯ ได้เข้าพบนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ เพื่อมอบหนังสือแจ้งเรื่องการบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ให้แก่รัฐบาลไทย จำนวน 415,000 โด๊ส การมอบวัคซีนดังกล่าวสะท้อนถึงความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร รวมทั้งบทบาทของสหราชอาณาจักรในฐานะมิตรประเทศที่มีความร่วมมือกับไทยในหลายมิติมายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสาธารณสุขที่ไทยและสหราชอาณาจักรมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดและครอบคลุมหลายด้าน ถือเป็นความสำเร็จจากความพยายามของรัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ ในการดำเนินการการทูตเชิงรุกเพื่อจัดหาวัคซีนและส่งเสริมความร่วมมือด้านวัคซีนกับต่างประเทศ
นายธานี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ได้ลงนามร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในฐานะหน่วยงานปฏิบัติ ในบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรและสัญญาไตรภาคีร่วมกับบริษัท แอสตราเซเนกา แล้ว เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ที่พิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าวด้วย ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งไทยและสหราชอาณาจักรอยู่ระหว่างการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดในส่วนของการขนส่งวัคซีนดังกล่าวที่มีกำหนดส่งถึงประเทศไทยในช่วงต้นเดือน ส.ค.นี้
นายธานี ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท ไฟเซอร์ จำนวน 1.54 ล้านโด๊ส ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกามอบให้ไทย ว่า ล่าสุด วัคซีนดังกล่าวได้ถูกขนส่งออกจากสหรัฐ แล้วในวันนี้ โดยมีกำหนดเดินทางถึงไทยในช่วงเช้าวันที่ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.นี้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการจัดสรรไปยังกลุ่มเป้าหมาย เป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโควิด-19 กรณีวัคซีนไฟเซอร์ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา นางแทมมี่ ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐ ได้กล่าวระหว่างการสัมมนา New Opportunities for the U.S. -Thailand Alliance in the Indo-Pacific เกี่ยวกับการบริจาควัคซีนนี้ด้วยว่าสหรัฐมีเป้าหมายจะบริจาควัคซีนให้ไทยรวม 2.5 ล้านโด๊สนนั้น ขณะนี้รัฐบาลสหรัฐยังไม่มีการให้รายละเอียดเพิ่มเติม ขณะนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ กำลังติดตามพัฒนาการในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
นายธานี กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุถึงวัคซีนในสต็อกคงเหลือของสหรัฐ ที่ไทยอาจเจรจาขอเพิ่มจากสหรัฐได้นั้น สำหรับกรณี สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลกับทั้ง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และทำเนียบขาว และได้รับแจ้งว่า วัคซีนส่วนเกินที่อยู่ในสต๊อกของรัฐต่าง ๆ ยังไม่มีมาตรการส่งวัคซีนเพื่อบริจาค หรือขายต่อกับประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ กำลังประสานงานกับบุคคลต่างๆ เพื่อย้ำสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย และขอรับการสนับสนุนการส่งมอบวัคซีนที่หน่วยราชการไทยได้สั่งซื้อจากบริษัทต่างๆ โดยเร็ว รวมทั้งอยู่ระหว่างการติดต่อทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประสานงานกับมิตรประเทศที่ สถานเอกอัครราชทูตฯ ใกล้ชิดและมีความเห็นในทางเดียวกัน ตลอดจนประธานสมาคมชุมชนไทยที่คอยสนับสนุนสถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อช่วยผลักดันการเข้าถึงวัคซีนที่สหรัฐ ไม่ได้ใช้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย ได้โพสต์คำกล่าวของวุฒิสมาชิกสหรัฐ รายนี้ด้วยว่า เรากำลังจะส่งมอบวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1.5 ล้านโด๊ส จริง ๆ เป้าหมายคือการบริจาครวม 2.5 ล้านโด๊ส แต่การส่งมอบลอตแรกคือ 1.5 ล้านโด๊ส สายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเราสำคัญเสมอมาและเสมอไป อีกทั้ง สถานทูตสหรัฐ ระบุด้วยว่า สหรัฐจะส่งมอบให้เพิ่มเติม 1 ล้านโด๊สด้วย