เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 กล่าวถึงกระแสตอบรับหลังการหาเสียงในรูปแบบต่างๆว่า ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียง 2 สัปดาห์ในการหาเสียง ซึ่งที่ผ่านมาตนเดินหน้าอย่างเต็มที่นำเสนอนโยบายต่างๆของ “สกลธีโมเดล” ที่ตั้งใจทำกรุงเทพฯ​ ให้เป็นเมืองที่ดีกว่านี้และตอบโจทย์สำหรับทุกคน​ ซึ่งที่ผ่านมามีกระแสตอบรับที่ดีมาก ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากทุกฝ่ายทราบว่า ทั้งโพลหรือกระแสทางสื่อเป็นไปในทิศทางที่ดี ทำให้รู้สึกดีใจมาก เพราะสองเดือนที่ผ่านมาตนลงพื้นที่อย่างหนัก และพยายามหาแนวทางที่จะสื่อสารไปยังคนกรุงเทพฯ ให้เข้าใจและรับทราบนโยบายให้มากที่สุด ซึ่งทุกครั้งที่ลงพื้นที่ได้กำลังจากประชาชนคนที่ชื่นชอบ คนที่เคยติดตามมาให้กำลังใจเสมอ ทำให้หายเหนื่อย และหวังว่าจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ของทุกคนอย่างแท้จริง

นายสกลธี กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าสิ่งที่ทำให้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นั้นนอกจากลงพื้นที่แนะนำตัว และสื่อสารไปตามสื่อช่องทางต่างๆ การที่ตนได้ไปร่วมเวทีดีเบตที่มีมากในช่วงนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนเข้าใจและรู้จักตัวตนที่แท้จริงของ “สกลธี” มากขึ้นซึ่งอาจเป็นจุดเด่นของตน โดยเฉพาะแนวคิดที่แตกต่างฉีกออกไปจากผู้สมัครฯคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหาเงินเพิ่มให้กับ กทม. หรือการกระจายงบประมาณไปยังทุกเขตของ กทม. เป็นต้น เพราะไม่มีใครพูดถึงเรื่องการหาเงินเพิ่ม หรือการแบ่งการจัดสรรเงินของกรุงเทพฯ ตนคิดว่าตรงนี้เป็นส่วนสำคัญ และหลังๆคิดว่าเราสื่อสารเข้าถึงคนกรุงเทพฯ มากขึ้น ทั้งโซเชียลมีเดียและการลงพื้นที่ จึงอยากขอเรียนเชิญพี่น้องคนกรุงเทพฯ มาฟังปราศรัยของตนครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 13 พ.ค. ที่ลานคนเมือง ซึ่งเตรียมเปิดตัวทีมงานด้านต่างๆ รับรองว่ามีเซอร์ไพร้ส์แน่นอน

นอกจากนี้ นายสกลธี กล่าวต่อว่า ในสกลธีโมเดลของตนนั้น หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการยกระดับศักดิ์คนพิการให้เทียบเท่ากับ
คนปกติอยู่แล้ว เพราะตามที่เคยพูดตลอดคือ คนพิการไม่ได้ต้องการการสนับสนุนเป็นเงินทอง แต่ต้องการศักดิ์ศรีของตัวเองใน
การทำงานและยืนด้วยขาของตัวเองและกล่าวทิ้งท้ายว่า ตามนโยบาย “สกลธีโมเดล” ของตน หวังที่จะให้คนพิการได้มีศักดิ์ศรี
และมีชีวิตที่ดีเทียบเท่ากับคนปกติทั่วไป ซึ่งถ้าตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ตนตั้งใจจะทำต่อ เพราะเคยทำมาแล้วและทำทันที และจะทำให้
กรุงเทพฯเป็นซิตี้ฟอร์ออล หรือเมืองของทุกคนจริงๆ.