สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์รายงานความคืบหน้า ของการนับคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งหย่อนบัตรเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่านับเสร็จสิ้นไปแล้ว 98% นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 31 ล้านเสียง ตามด้วย นางเลนี โรเบรโด 14.8 ล้านเสียง และนายแมนนี ปาเกียว 3.6 ล้านเสียง


ทั้งนี้ มาร์กอส จูเนียร์ เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีคนแรก ซึ่งได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากกว่า 50% ของผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ และนำฟิลิปปินส์เตรียมกลับไปอยู่ภายใต้การบริหารประเทศ โดยตระกูลมาร์กอส เป็นครั้งแรกในรอบ 36 ปี หรือนับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติประชาชน ขับไล่รัฐบาลของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส บิดาของมาร์กอส จูเนียร์ เมื่อปี 2529

กลุ่มผู้ประท้วงซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา เดินขบวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติ ในกรุงมะนิลา เพื่อแสดงจุดยืนไม่ยอมรับนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์


ขณะที่ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ “บองบอง” อดีตวุฒิสมาชิก วัย 64 ปี กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ขอให้ฟิลิปปินส์มองไปข้างหน้าร่วมกัน ตัดสินตัวเขาจากการกระทำ ไม่ใช่สิ่งที่บรรพบุรุษของเขาเคยปฏิบัติและจบสิ้นไปแล้ว อนึ่ง การลุกฮือของชาวฟิลิปปินส์ในครั้งนั้น ทำให้รัฐบาลมาร์กอสสิ้นสุดการปกครองที่ยาวนาน 20 ปี และต้องเดินทางออกไปลี้ภัยในต่างประเทศ จนกระทั่งมาร์กอส จูเนียร์ สามารถเดินทางกลับมาได้ เมื่อปี 2534


อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของตลาดที่มีต่อผลการเลือกตั้งผู้นำฟิลิปปินส์ยังคงไม่เป็นไปในทางเดียวกัน โดยการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มะนิลาลดลง 3% เมื่อช่วงหนึ่งของการซื้อขาย แต่เงินเปโซฟิลิปปินส์แข็งค่าชึ้น 0.4% เมื่อเทียบกับเงินดลอลาร์สหรัฐ และประชาชนหลายร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา รวมตัวประท้วงหน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แสดงจุดยืนไม่ยอมรับมาร์กอส จูเนียร์ และเรียกร้องให้มีการตรวจสอบผลการนับคะแนน.

เครดิตภาพ : REUTERS