สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ว่า กองทัพยูเครนรายงานว่า กองทัพรัสเซียปฏิบัติการทางทหาร ยิงขีปนาวุธโจมตีอาคารแห่งหนึ่ง ในเมืองโอเดสซา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลดำ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน


ขณะที่ทางการเมืองโบโกดูคอฟ ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 และตั้งอยู่ทางตะวันออกของยูเครน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และบ้านเรือนหลายหลังพังทลาย หลังกองทัพรัสเซียยิงปืนใหญ่โจมตีพื้นที่

อาคารหลังหนึ่งในเมืองโอเดสซา พังราบเป็นหน้ากลองเพราะจรวดของรัสเซีย


ด้านสถานการณ์ที่โรงงานถลุงเหล็ก อาซอฟสทาล ซึ่งเป็นฐานที่มั่นแห่งสุดท้ายของทหารยูเครนและกองพันอาซอฟ ในเมืองมาริอูโปล ริมชายฝั่งทะเลอาซอฟ ทางตอนใต้ของยูเครน กองทัพยูเครนกับทหารรัสเซียและกองกำลังสนับสนุนยังคงสู้รบกันอย่างดุเดือด หลังสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ยืนยันการอพยพเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ออกจากพื้นที่หมดแล้ว


สถานการณ์รุนแรงระลอกล่าสุด ตามเมืองใหญ่หลายแห่งของยูเครน เกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แถลงสุนทรพจน์ที่จัตุรัสแดง ในเขตใจกลางกรุงมอสโก เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื่องในวันครบรอบปีที่ 77 ของ “วิกตอรี เดย์” หรือ “วันแห่งชัยชนะ” ของกองทัพสหภาพโซเวียต เหนือกองทัพนาซีเยอรมัน ซึ่งตรงกับวันที่ 9 พ.ค. 2488


สำหรับสุนทรพจน์ของปูตินเนื่องในวันแห่งชัยชนะปีนี้ เป็นที่จับตาอย่างใกล้ชิดของโลกตะวันตก เนื่องจากเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามในยูเครน โดยปูตินยกย่องทหารรัสเซียซึ่งกำลังสู้รบอยู่ในสมรภูมิดอนบาส ซึ่งเป็นพื้นที่ขัดแย้งในภาคตะวันออกของยูเครน ว่าเป็นการต่อสู้ “เพื่อแผ่นดินแม่” และเพื่อไม่ให้มนุษยชาติหลงลืม “บทเรียน” จากสงครามโลกครั้งที่สอง ว่าบนโลกใบนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับนาซี.

เครดิตภาพ : REUTERS