สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. เกี่ยวกับความคืบหน้าของการนับคะแนน ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีการหย่อนบัตร เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อเฟ้นหาผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำคนที่ 17 ต่อจากประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ซึ่งไม่สามารถลงสมัครได้อีก ด้วยเงื่อนไขตามที่ระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญ ว่าให้ดำรงตำแหน่งได้เพียงสมัยเดียว คือ 6 ปีนั้น

นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์


คณะกรรมการการเลือกตั้งรายงานผลการนับคะแนน หลังผ่านไปแล้วมากกว่า 90% ปรากฏว่า นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้ล่วงลับ ได้รับคะแนนเสียยงสนับสนุนมากกว่า 30 ล้านเสียง ทิ้งห่างอันดับสอง คือนางเลนี โรเบรโด รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนประมาณ 14 ล้านเสียง

น.ส. ซารา ดูเตร์เต-คาร์ปิโอ


ในส่วนของการลงคะแนนเลือกรองประธานาธิบดี น.ส. ซารา ดูเตร์เต-คาร์ปิโอ บุตรสาวของดูเตร์เต ซึ่งลงสมัครคู่กับมาร์กอส จูเนียร์ ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนไปแล้วมากกว่า 30 ล้านเสียงเช่นกัน ขณะที่สถิติผู้ออกมาใช้สิทธิอยู่ที่ประมาณ 80% ถือว่าสูงมาก

นางเลนี โรเบรโด


ขณะที่ มาร์กอส จูเนียร์ ยังไม่ประกาศชัยชนะอย่างเป็นทางการ โดยแถลงเพียงว่า ผลการนับคะแนนยังไม่เสร็จสิ้น และคณะกรรมการการเลือกตั้งยังไม่ประกาศ ว่าใครคือผู้ชนะ อย่างไรก็ตาม มาร์กอส จูเนียร์ ขอบคุณชาวฟิลิปปินส์ “ที่ไม่หยุดเชื่อมั่นและไว้วางใจ” และกล่าวว่า หนทางนับจากนี้ “ยังมีเรื่องอีกมากมายให้ต้องดำเนินการ”


ตลอดระยะเวลา 3 เดือนของการหาเสียง มาร์กอส จูเนียร์ ไม่ได้เสนอนโยบายใหม่อะไรที่จริงจังมากนัก แต่เน้น “ความปรองดองและสมานฉันท์” ที่หลายฝ่ายมองว่า เป็นความพยายาม “เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์” จากยุคของบิดา ซึ่งปกครองประเทศยาวนาน 2 ทศวรรษ จนถึงปี 2529 โดยมีการบังคับใช้กฎอัยการศึก และการคอร์รัปชั่นอย่างเปิดเผย แล้วท้ายที่สุดต้องออกไปลี้ภัยในต่างประเทศ จากการลุกฮือขับไล่ของประชาชน


ดังนั้น มาร์กอส จูเนียร์ น่าจะสานต่อนโยบายหลายอย่างของรัฐบาลชุดปัจจุบัน เนื่องจาก ดูเตร์เต ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวฟิลิปปินส์ และการที่ มาร์กอส จูเนียร์ จับมือเป็นพันธมิตรกับบุตรสาวของดูเตร์เต ซึ่งลงสมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีด้วย.

เครดิตภาพ : REUTERS