เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียงเขตบางแค เขตหนองแขม และเขตทวีวัฒนา เริ่มตั้งแต่ตลาดสี่แยกทศกัณฐ์ รับฟังผู้นำชุมชนและผู้ประกอบการโรงงานในเขตหนองแขม ที่ศาลาร่วมใจชุมชนสร้อยมาลา พูดคุยกับชาวชุมชนทวีวัฒนา และบุคลากรมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี

นายชัชชาติ กล่าวว่า ระหว่างลงพื้นที่ตลาดสี่แยกทศกัณฐ์ ได้สังเกตเห็นผู้จำหน่ายขนมวาฟเฟิล สร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าให้มีรสชาติหลากหลาย สะท้อนให้เห็นตัวอย่างของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ของเมือง และเป็นหน้าที่ของ กทม. ที่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของประชาชน เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้ประชาชนผ่านระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น ลดขั้นตอนการขออนุญาตประกอบการ จัดหาพื้นที่ให้ประชาชนได้ทำมาหากิน พัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมผู้ประกอบการรุ่นใหม่

ที่ผ่านมาได้สื่อสารนโยบายที่เป็นงานประจำของผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะผู้จัดการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบายส่งเสริมคุณภาพชีวิต แต่ยังไม่มีโอกาสสื่อสารบทบาทผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะซีอีโอ มองว่าผู้ว่าฯ กทม. ต้องเป็นผู้กำหนดอนาคตและวางยุทธศาสตร์ของเมืองในระยะยาว โดยตั้งเป้าพัฒนากรุงเทพฯ ในอนาคต 3 ด้าน ประกอบด้วย เมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค เมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และเมืองท่องเที่ยวคุณภาพของโลก

“เรามีซอฟต์พาวเวอร์ที่เข้มแข็งทั้งวัฒนธรรมและอาหาร เปลี่ยนตรงนี้ให้เป็นดิจิทัลได้ไหม เพื่อให้สามารถกระจายไปทั่วโลกได้ เรายังมีเรื่อง wellness สุขภาพ สปา การทำสมาธิที่กำลังได้รับความสนใจทั่วโลก เราทำศูนย์สมาธิทั่วกรุงเทพฯเพื่อการพักผ่อนได้ไหม ผมมองว่ารูปแบบการท่องเที่ยว กทม. ต้องเปลี่ยนไป เราต้องใช้ซอฟต์พาวเวอร์ที่มีให้เกิดประโยชน์ นี่คือทิศทางของเมืองในอนาคตที่ผู้ว่าฯ กทม. นอกจากทำงานประจำในฐานะผู้จัดการเมืองแล้ว ยังต้องเป็นซีอีโอหรือเป็นคนวางยุทธศาสตร์ของเมืองในอนาคตด้วย”

สำหรับการหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง 22 พ.ค.65 นายชัชชาติ กล่าวว่า ยังต้องทำคะแนนกับกลุ่มคนสูงอายุให้มากขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจเลือก โดยย้ำว่าตนลงสมัครในนามอิสระจริง ไร้พรรคการเมืองให้การสนับสนุน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานท้องถิ่น กทม. ที่ผ่านมาสามารถจับมือเครือข่ายและขยายทีมงานคนรุ่นใหม่ให้ร่วมงานได้อย่างเหนียวแน่นมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ดังที่นำเสนอบนเวทีปราศรัยใหญ่ที่สวนลุมพินี เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ นายชัชชาติ ได้กล่าวถึงนโยบายการหารายได้เข้ากทม. เพื่อนำมาพัฒนากรุงเทพฯ ว่า กทม.ต้องดูสิ่งที่มีอยู่แล้วให้คุ้มค่า ในกรอบภาษีเดิม อาทิ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีป้าย ต้องประเมินให้เหมาะสมและเตรียมพร้อมสำหรับการเก็บภาษีบุหรี่ รวมถึงการให้สิทธิโฆษณาบริเวณป้ายริมทางเท้าของ กทม. ต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง คุ้มค่าและเหมาะสม ทั้งนี้ กทม.มีที่ดินกว่า 300ไร่ ในส่วนนี้จะพัฒนาอย่างไรให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ขณะเดียวกัน มีแนวคิดสร้างสำนักพัฒนาธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นศูนย์อยู่ในอำนาจการดูแลของสำนักใดสำนักหนึ่งใน กทม. เพื่อมาดูแลเรื่องการหารายได้เพิ่มโดยเฉพาะ ซึ่งหลักสำคัญคือต้องไม่ไปเบียดบังประชาชน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องทำคู่ขนานในการหารายได้เข้า กทม. คือต้องลดรายจ่าย ด้วย หรือตัดงบในส่วนที่ไม่จำเป็น