สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ว่า นางเจน ซากี โฆษกหญิงทำเนียบขาว กล่าวถึงการประชุมสุดยอดผู้นำสหรัฐ-อาเซียน ระหว่างวันที่ 12-13 พ.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งจะจัดขึ้นในโอกาสครบรอบ 45 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ ระหว่างสหรัฐกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( อาเซียน ) ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ และการประชุมสุดยอดจะเกิดขึ้น ในวันที่ 13 พ.ค.


ซากี กล่าวด้วยว่า การประชุมครั้งนี้ คือการยอมรับบทบาทของอาเซียน ในฐานะการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค เพื่อเผชิญหน้าและแสวงหาหนทางฝ่าฟันความท้าทาย พร้อมทั้งร่วมเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนยาวตลอด 45 ปีที่ผ่านมา ระหว่างสหรัฐกับอาเซียน


สำหรับการประชุมสุดยอดสหรัฐ-อาเซียนครั้งนี้ เป็นครั้งแรกซึ่งจะเกิดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน และจะเป็นการเยือนสหรัฐครั้งแรกอย่างเป็นทางการของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งผูกขาดการปกครองประเทศตั้งแต่ปี 2528 ขณะที่การประชุมสุดยอดสหรัฐ-อาเซียน ครั้งนี้ มีผู้นำตอบรับเข้าร่วมการหารือด้วยตัวเอง 8 คน ยกเว้นประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ซึ่งให้เหตุผลว่า อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านอำนาจหลังการเลือกตั้ง และแน่นอนว่า ตัวแทนจากรัฐบาลทหารเมียนมาไม่ได้รับเชิญ


เกี่ยวกับหัวข้อของการหารือนั้น แม้ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า น่าจะมีทั้งการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ เพื่อคานอำนาจกับจีน และไบเดนน่าจะ “พยายามโน้มน้าว” ให้อาเซียนแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้น เพื่อสนับสนุนจุดยืนของสหรัฐและตะวันตก ที่มีต่อรัสเซียและยูเครน

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่ว่า จะไม่มีการประชุมระดับทวิภาคีแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ระหว่างไบเดนกับผู้นำอาเซียนแต่ละประเทศ เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจากกัมพูชา ซึ่งทำหน้าที่ประธานปีนี้ ว่าท้ายที่สุดแล้ว การจัดประชุมครั้งนี้ อาจไม่ได้นำไปสู่การยกระดับความร่วมมือได้อย่างแท้จริง.

เครดิตภาพ : REUTERS