จากกรณี พระธวัฒน์พล หรือ “พระย้อย” อายุ 35 ปี เข้าพบ ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้ปากคำเกี่ยวกับเรื่องการปิดปากนักข่าวพร้อมกับ นายไพฑูรย์ อินทศิลา อุปนายกสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้่เมื่อวันที่ 6 พ.ค. “พระย้อย” ได้กล่าวเปิดใจ หลังตกเป็นข่าวลักษณะเดียวกันกับ “พระกาโตะ” คือ เสพเมถุนกับหญิงสาว ซึ่งเจ้าตัวชี้แจงว่า ก่อนจะบวชเป็นพระได้แต่งงานจดทะเบียนกับ “ครูบี” เป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต่อมาได้สูญเสียลูกสาววัย 5 เดือนในท้อง ทำให้รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก กระทั่งมีอาการป่วยเพราะจิตใจไม่สงบ จึงได้เข้าบวชเรียนจนจิตใจกลับมาปกติ แต่เพราะร่างกายไม่แข็งแรง เป็นโรคลำไส้อักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ จนต้องผ่าตัด รวมทั้งยังเป็นโรคกระเพาะ ทำให้ต้องไปหาหมอบ่อย ๆ จึงต้องวานให้ “ครูบี” พาไปหาหมอ โดยระยะทางจากบ้านกว่าจะมาถึงวัดต้องใช้เวลานับชั่วโมง เนื่องจากห่างไกลกันกว่า 100 กม. กว่าจะรับไป รพ.ก็ต้องรอให้ “ครูบี” เลิกงาน เมื่อพาไป รพ.ก็มืดค่ำแล้ว กว่าจะกลับวัดก็ค่อนข้างดึก ทั้งนี้ตนมีพยานหลักฐานทั้งใบรับรองแพทย์ และยาที่แพทย์นำมาให้รับประทาน

“…อาตมารู้ตัวเองดีทุกอย่างว่าอาตมาบวชเพื่ออะไร ตั้งใจอุทิศบุญกุศลให้ลูกที่เสียชีวิต จึงไม่เคยคิดว่าจะสร้างบาปกรรมอะไรซ้ำเติมวิบากรรมที่ผ่านมาอีก พร้อมให้สื่อมวลชนตรวจสอบได้ทุกเรื่องทุกประเด็น อาตมายอมรับว่าอาตมาและโยมครูบี นั่งรถไปด้วยกันสองต่อสอง เป็นเรื่องไม่เหมาะ เป็นโลกาวัชชะ แต่เพราะมีความจำเป็นจริง ๆ อาตมาคิดและสำนึกอยู่เสมอว่า หากอาตมากระทำผิดวินัยร้ายแรง ถึงขั้นเสพเมถุนต้องปาราชิกเหมือน พระกาโตะ ก็คงไม่ต้องให้ใครมาจับสึก แต่จะปลดจีวรสึกด้วยตนเองทันที ทุกคนสามารถตรวจสอบประวัติอาตมาได้ทุกอย่าง…” พระย้อย กล่าว