สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศภาวะภัยพิบัติ ในพื้นที่ทางเหนือของรัฐนิวเม็กซิโก ซึ่งเผชิญกับไฟป่ารุนแรงประมาณ 10 แห่ง ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เพื่อระดมความช่วยเหลือจากส่วนกลางคือกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และสำนักงานจัดการภาวะฉุกเฉินส่วนกลาง ( ฟีมา ) เข้าสู่พื้นที่ประสบภัย


ทั้งนี้ ในบรรดาไฟป่าที่รัฐนิวเม็กซิโกกำลังเผชิญ รวมถึงการรวมตัวของไฟป่า “คาล์ฟ แคนยอน/เฮอร์มิตส์ พีค” ที่เผาทำลายพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 160,000 เอเคอร์ รวมถึงการสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือนอย่างน้อย 227 หลัง นับเป็นไฟป่าขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐนิวเม็กซิโก และรุนแรงที่สุดของสหรัฐ นับตั้งแต่ต้นปีนี้


ภัยธรรมชาติครั้งนี้ สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของกระทรวงเกษตรสหรัฐ ซึ่งระบุว่า 80% ของพื้นที่ทางตะวันตกในสหรัฐกำลังเผชิญกับภัยแล้งรุนแรงกว่าปกติในปีนี้ เพิ่มความเสี่ยงให้กับการเกิดไฟป่าที่รุนแรงและยาวนานกว่าปกติ


ขณะที่รายงานโดยศูนย์สังเกตการณ์ไฟป่าของสหรัฐ ระบุว่า พื้นที่ซึ่งได้รับความเสียหายจากไฟป่านับตั้งแต่ต้นปีนี้ มากกว่าสถิติในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วกว่าสองเท่า และมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปีล่าสุดถึง 70% นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ไปในทางเดียวกัน ว่าอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ปริมาณหิมะในบริเวณนี้ลดลง จึงตามมาด้วยฤดูกาลไฟป่าที่เกิดขึ้นเร็วกว่าปกติ.

เครดิตภาพ : REUTERS