สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ว่ากระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา อินโดนีเซีย และไทย ออกแถลงการณ์ร่วม ว่าด้วยกำหนดการจัดการประชุมสุดยอด 3 เวที ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้


กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 11-13 พ.ย. อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี20 (จี20) ระหว่างวันที่ 15-16 พ.ย. และไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. นี้


แถลงการณ์ระบุว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน จี20 และเอเปค มีความคล้ายคลึงกันในด้านการสร้างโอกาสพิเศษให้ทุกประเทศที่เข้าร่วม ช่วยกันพัฒนาวาระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมถึงความพยายามร่วมกันเพื่อนำสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนาอย่างยั่งยืน และครอบคลุมมาสู่ประชาชนทุกคน


การประชุมสุดยอดอาเซียนเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของบรรดาผู้นำ ในการเพิ่มความยืดหยุ่นของภูมิภาคอาเซียน เมื่อเผชิญกับความไม่แน่นอนทั่วโลก และรักษาบทบาทของอาเซียนในฐานะแกนกลางของสถาปัตยกรรมระดับภูมิภาค รวมทั้งเร่งดำเนินความพยายามร่วมกันเพื่อฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19


การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี20 มีเป้าหมายอำนวยความสะดวกแก่การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและครอบคลุมประชาชนทุกคน โดยอินโดนีเซียมุ่งมั่นสร้างความเชื่อมั่นว่า การประชุมครั้งนี้จะเอื้อประโยชน์ต่อทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มประเทศสมาชิกจี20 เท่านั้น


“การประชุมข้างต้นระบุประเด็นสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถาปัตยกรรมสุขภาพโลก การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงทางพลังงาน เพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและครอบคลุมทั่วโลก” แถลงการณ์ระบุ


ขณะที่การประชุมสุดยอดเอเปค ซึ่งเป็นเวทีเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ยังคงเดินหน้าเสาะหาแนวทางการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคเพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาวิสัยทัศน์ของชุมชนเอเชียแปซิฟิกที่เปิดกว้าง ก้าวหน้า ยืดหยุ่น และสงบสุข


ทั้งสามประเทศสมาชิกอาเซียนให้คำมั่นว่า จะทำงานร่วมกับพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในจิตวิญญาณแห่งความร่วมมือ และยกระดับความเป็นศูนย์กลาง ความน่าเชื่อถือ และการมีส่วนร่วมของอาเซียนในการรักษาสันติภาพ และเสถียรภาพระดับภูมิภาคและระดับโลก.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA