เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 จากพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายสุนทร ทุ้ยมาก ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตราษฎร์บูรณะ หมายเลข 4 ร่วมกันลงพื้นที่หาเสียงในชุมชนสุขสวัสดิ์ 58 เขตราษฎร์บูรณะ โดยชุมชนดังกล่าวมีประชาชนอาศัยกว่า 500 หลังคาเรือน พบว่ามีการดูแลด้านสาธารณสุขไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงโควิด-19  ชาวชุมชนประสบปัญหาด้านสุขภาพและปัญหาปากท้อง อีกทั้งเจอกับปัญหาน้ำท่วมรุนแรงขึ้นและปัญหาน้ำทะเลหนุนทุกปี ขณะที่เขื่อนกั้นแม่น้ำเจ้าพระยายังไม่ได้รับการซ่อมแซม

นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ชุมชนสุขสวัสดิ์มีศูนย์บริการสาธารณสุขในชุมชน แต่ไม่มีเครื่องมือเลย จึงต้องเติมเครื่องมือแพทย์ เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์ลงไปศูนย์บริการสาธารณสุขทุกชุมชน อีกทั้งนโยบายการตรวจสุขภาพฟรีเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะมีการตรวจอย่างละเอียด ทำให้สามารถป้องกันโรคได้ก่อนที่จะเกิดขึ้นเพื่อดูแลรักษาได้ทันท่วงที และด้วยนโยบายกองทุนการจ้างงานจะทำให้สามารถจ้างงานคนได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 อัตรา เพื่อให้มาดูแลผู้สูงอายุ เด็กอ่อน ดูแลความสะอาด และดูแลความปลอดภัย  ดังนั้น นโยบายเหล่านี้จะครอบคลุมทุกคน จะเป็นการเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสวัสดิการที่ทันสมัยต้นแบบอาเซียนได้

“ศูนย์สาธารณสุขทั้ง 69 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ต้องได้รับการยกระดับ เพิ่มอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ ให้บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัครสาธารณสุขมาช่วยดูแลประชาชน ตามนโยบาย ‘หมอมี สาธารณสุขดี ใกล้บ้าน’ ให้ต่อสู้กับโควิด เพราะถ้าแก้ปัญหาโควิดภายในชุมชนได้ ทุกอย่างดีขึ้นทันที”

นายสุชัชวีร์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนพบว่าในชุมชนสุขสวัสดิ์ 58 มีแสงสว่างไม่เพียงพอ มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไม่ทั่วถึง ตนจึงตั้งใจจะทำเหมือนกับที่ชุมชนพิพัฒน์ 2 คือถ้าเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะต้องมีเสาไฟ 4 มิติเกิดขึ้นในทุกเขต ซึ่งเสาไฟนี้ประกอบด้วยไฟ LED กล้องซีซีทีวี มีจุดฮอตสปอตกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตไวไฟฟรีในชุมชน เพื่อให้ประชาชนใช้ในการเรียนหนังสือ การแจ้งเหตุฉุกเฉิน และในการรับบริการหมอทางไกลได้ อีกทั้งต้องติดตั้งเครื่องวัดฝุ่น PM 2.5 ทำให้ผู้ว่าฯ กทม.รู้ต้นตอของปัญหาฝุ่นได้ด้วย

เมื่อถามถึงแนวทางดูแลชาว กทม. ต่อปัญหาราคาสินค้าในปัจจุบัน นายสุชัชวีร์กล่าวว่าวิธีดีที่สุดคือการลดรายจ่าย และสร้างรายได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจทั่วโลก วันนี้คนกรุงเทพฯ มีรายจ่ายมาก และรายจ่ายที่ใช้อยู่ก็เป็นรายจ่ายอินเทอร์เน็ต ตนจึงตั้งใจทำอินเทอร์เน็ตฟรีให้เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานของคนกรุงเทพฯ อีกทั้งด้วยนโยบายกองทุนจ้างงานชุมชน เฉลี่ยชุมชนละ 600,000 บาท จะสามารถจ้างงานได้ 50,000 อัตรา ให้คนในชุมชนมีงานทำ นอกจากนี้จะเปิดพื้นที่ค้าขาย ดูแลความสะอาด ทั้งการเก็บขยะและฟุตบาทเรียบ พ่อค้าแม่ค้าจะไม่กลายเป็นผู้ร้ายในสายตาคนอื่น กรุงเทพฯ ต้องอยู่กันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เศรษฐกิจจะเฟื่องฟู ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีไฮไลต์ทีเด็ดเพื่อมัดใจคนกรุงเทพฯ อย่างไร นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ขอให้คอยติดตามดู จะไม่ให้ผิดหวังแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮไลต์เรื่องการแก้ไขปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ ถึงเวลากรุงเทพฯ ต้องเปลี่ยน จะมีการปราศรัยใหญ่ตั้งแต่วันที่ 3-4 พ.ค.นี้ และช่วงใกล้วันเลือกตั้งด้วย