เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 30 เม.ย. นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 ลงพื้นที่หาเสียงในเขตคลองสาน พบปะพูดคุยกับเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ประชาชนที่มาซื้อขายจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค สอบถามรับฟังปัญหากับเหล่าผู้ให้บริการวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง สำรวจปัญหาต่างๆ นายสกลธีกล่าวว่า สำหรับตารางการหาเสียงของตนนั้น ส่วนใหญ่ในทุกเช้ายังเน้นการเดินตลาดเพื่อพบปะพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ เพราะการเดินตลาดจะทำให้ได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงจากพี่น้องประชาชนโดยตรงเช่นที่เขตคลองสานในวันนี้ ไปดูเรื่องการจัดการขยะ รวมถึงการลอกท่อระบายน้ำที่ประชาชนบอกว่ายังมีปัญหาอยู่ พบว่าปัญหาหลักส่วนใหญ่นอกจากเรื่องการจราจรแล้ว คือเรื่องปากท้อง แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ว่าฯ กทม.โดยตรง แต่ตนคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ว่าฯ กทม. จะต้องคิดถึงและให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ค.65 หลายคนหวังที่จะมีการทำมาหากินที่ดีขึ้น ซึ่งในส่วน กทม.จะเน้นเรื่องของการหาพื้นที่ เพื่อให้ทุกคนที่ต้องการค้าขาย ได้มีโอกาสสร้างรายได้ ฟื้นจากช่วงโควิด

นายสกลธี ยังกล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของราคาสินค้าและค่าขนส่ง ซึ่งในส่วนของราคาสินค้านั้นผู้ว่าฯ กทม. อาจจะไม่สามารถดำเนินการอะไรได้เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือ การไปดูแลเรื่องของราคาค่าขนส่งสาธารณะให้เหมาะสม เพื่อลดภาระให้กับประชาชนในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน นอกจากนี้ในทุกพื้นที่การขาย หรือที่มีกิจกรรมต่างๆ ในทุกสำนักงานเขตหรือหน่วยงานต่างๆ ของ กทม. ต้องพยายามหาพื้นที่ที่จะให้ประชาชนมาขายในราคาที่ถูกลง เพื่อให้แม่ค้าพ่อค้าชาว กทม. ที่ต้องการเพิ่มรายได้ ได้มีโอกาสในการค้าขายมากขึ้นด้วย

นายสกลธียังกล่าวถึงสโลแกนของตนเอง “ทำทันธี” ว่าสำหรับสโลแกนทำทันธี คือ ปัญหาใดๆ ก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรงบประมาณก็ต้องทำทันที ยกอย่างการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เขตลงเก็บขยะให้ถี่ขึ้น หรือว่าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่แจ้งเข้ามาเป็นประจำวัน นี่คือการทำทันที

ส่วน “กทม.ดีกว่านี้ได้” นายสกลธี กล่าวว่า กรุงเทพฯ ดีกว่านี้แน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของการกระจายงบประมาณจากเดิมที่เคยกระจุกอยู่ส่วนกลาง ก็ต้องกระจายไปตามเขตต่างๆ มากขึ้น อย่างเขตชั้นนอกที่จะมีปัญหาในเรื่องการพัฒนา ทั้งเรื่องถนนหนทางที่เป็นลูกรัง เรื่องของท่อระบายน้ำในการวางระบบต่างๆ ก็ต้องมีการกระจายออกตามเขตต่างๆให้ทั่วถึงและเท่าเทียม ส่วนเงินที่มาก็ต้องมีการหารายได้เพิ่มเติมเพื่อที่จะสามารถจัดทำโครงการต่างๆ ให้ได้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้สำหรับสกลธีโมเดลนั้น สกลธีโมเดลจะเป็นการบริหารจัดการในทุกๆ ด้านให้ดีขึ้น หากสิ่งไหนสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อลดการใช้แรงงานคนได้ ก็จะนำมาใช้ แต่หลักๆ ของสกลธีโมเดลคือการหารายได้เข้ากรุงเทพฯ เพราะใน 1 ปี กทม.มีเงินจำกัด ดังนั้น ในการที่จะบริหารกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่มี 50 เขต ด้วยการใช้งบประมาณจากรัฐบาลเท่านั้น มันไม่เพียงพอ จึงต้องหาโมเดลที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติมเข้ามาให้กรุงเทพฯ เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ให้มากยิ่งขึ้นต่อไป

ขณะที่ในโค้งสุดท้ายของการลงพื้นที่หาเสียงนั้น นายสกลธีกล่าวว่าจะมีการปราศรัยหาเสียงใหญ่ในวันศุกร์ที่ 13 พ.ค. ที่ลานคนเมือง และวันที่ 20 พ.ค. ที่วงเวียนใหญ่ โดยมีไฮไลต์อยู่ที่การเปิดตัวทีมงานของตนทั้งหมด ทั้งว่าที่รองผู้ว่าฯ และที่ปรึกษาเกี่ยวกับงานของ กทม. หากตนได้รับเลือกตั้งให้เข้าไปเป็นผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่