เมื่อวันทที่ 29 เม.ย. ที่ศาลปกครอง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายพีรพล กนกวลัย (เฮียเล้า) ผู้สมัคร ส.ก.เขตพญาไท พรรคก้าวไกล ยื่นคำร้อง ขอศาลปกครอง ระงับคำสั่ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก.ของนายพีรพล โดยให้เหตุผลมีลักษณะต้องห้าม เนื่องจากเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อมวลชน โดยนายวิโรจน์ ชี้แจงว่านายพีรพล ได้ยื่นหลักฐานต่อ กกต. เพื่อชี้เเจงว่า ความเป็นเจ้าของสื่อได้สิ้นสุดลงนานแล้วตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 45 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น โดยกำหนดว่า หากผู้จดแจ้งการพิมพ์ ไม่ได้ตีพิมพ์วารสารเกิน 2 ปี หรือไม่ได้มีการตีพิมพ์เกิน 4 เล่ม ติดต่อกัน ให้สิ้นสภาพการเป็นผู้จดแจ้งการพิมพ์ตามกฎหมายนี้

นายวิโรจน์ กล่าวว่า นายพีรพล ได้ยุติการตีพิมพ์วารสารท่องธรรมชาติ ตั้งแต่ฉบับเดือน มี.ค. 2538 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จึงส่งผลให้สถานะการเป็นผู้จดแจ้งการพิมพ์สิ้นสุดลงตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ 2484 ตั้งแต่ปี 2540 โดยไม่ต้องไปแจ้งถอนรายชื่อ การไม่รับรองสิทธิของ กกต. เช่นนี้ ถือว่าส่งผลโดยตรงต่อนายพีรพลอย่างร้ายเเรง และคำสั่งของ กกต.ถือเป็นคำสั่งที่อยู่ในอำนาจวินิจฉัยของศาลปกครองแน่นอน

“ความเป็นเจ้าของกิจการสิ้นสุดลงสมบูรณ์แล้วตามกฎหมาย โดยไม่ต้องไปแจ้งจดแจ้งการพิมพ์ใหม่เพื่อยกเลิกกิจการ แต่ กกต.กลับอ้าง พ.ร.บ.จดเเจ้งการพิมพ์ 2550 ที่ระบุว่า คนที่ทำอยู่เดิมไม่ต้องไปจดใหม่ แต่ไม่ใช่คนที่สิ้นสภาพไปแล้วกลับมาเป็นเจ้าของกิจการได้การปรากฏชื่อ พีรพล อยู่ถือเป็นความบกพร่องของทางราชการเพราะหนังสือที่ พีรพล เคยเป็นเจ้าของกิจการ เล่มสุดท้ายพิมพ์เมื่อปี 2538 สิ้นสุดความเป็นเจ้าของกิจการในปี 2540 จึงไม่เข้าใจว่าปรากฏชื่อตามกฎหมายใหม่ได้อย่างไร เราได้เอาเอกสารยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อ กกต.แล้ว เเต่ กกต.ยังไม่เพิกถอน จึงมายื่นต่อศาลปกครองให้พิจารณาในวันนี้” นายวิโรจน์ กล่าว

นายพีรพล กล่าวว่า กกต.ใช้กระดาษเพียงเเผ่นเดียวที่ผมมีชื่อเป็นเจ้าของหัวหนังสือ เพื่อนำมาตัดสิทธิการสมัครเป็น ส.ก.เขตพญาไท โดยไม่ตรวจสอบ ตั้งแต่ปี 2538 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกินกว่า 2 ปีแน่นอน ที่ตนไม่ได้มีส่วนข้องหรือเป็นเจ้าของกิจการตามกฎหมาย การกระทำดังกล่าว เป็นการประพฤติมิชอบด้วยกฎหมายของ กกต.และได้แจ้งความเอาผิดที่ สน.สำราญราษฎร์ เเละ สน.ทุ่งสองห้อง ตามมาตรา 157 เนื่องจาก กกต.ตัดสิทธิโดยไม่พิจารณาให้รอบคอบ ส่งผลให้เสื่อมเสียชื่อเสียง.