เมื่อวันที่ 29 เม.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียงเขตธนบุรี และเขตบางกอกใหญ่ จากนั้นเข้าร่วมเวทีประชาคม ที่ลานวัดหงส์รัตนาราม เพื่อรับฟังปัญหาจากผู้นำชุมชนกว่า 40 คน ใน 13 ชุมชน เขตบางกอกใหญ่ อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ยาเสพติด และปัญหาสิ่งอำนวยความสะดวกภายในชุมชนก่อนเดินพบปะประชาชนที่ตลาดวัดจันทารามวรวิหาร และชุมชนโดยรอบ

นายชัชชาติ กล่าวว่า การเข้าใจปัญหาประชาชนคือหัวใจสำคัญในการพัฒนานโยบาย กทม.ต้องออกแบบวิธีจัดการปัญหาโดยที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ ยกตัวอย่างการค้าขายริมทางที่ยังมีความจำเป็นต่อเมือง เนื่องจากเป็นแหล่งจำหน่ายอาหารราคาถูก แต่ กทม. จะจัดการพื้นที่อย่างไรไม่ให้ร้านค้าเบียดบังทางเท้า

ดังนั้น ผู้ว่าฯ กทม. และข้าราชการ ต้องลงพื้นที่เพื่อพบทราบปัญหาจากประชาชนอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากปัญหาของประชาชนไม่เคยหยุดนิ่งโดยได้เน้นย้ำนโยบาย “ผู้ว่าฯ สัญจร” จะลงพื้นที่ 50 เขต ภายใน 1 ปี เพื่อทำความเข้าใจปัญหา กทม. ให้ดีขึ้นและเป็นช่องทางให้ชุมชนได้ร้องเรียนปัญหาถึงผู้ว่าฯ กทม.โดยตรงอีกด้วย

ทั้งนี้จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ประเด็นที่น่ากังวลที่สุดขณะนี้คือปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เงินเฟ้อ สินค้าราคาแพงและผู้ได้รับผลกระทบคือผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น กทม.จะต้องช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น เงินใต้โต๊ะ ส่วย ต้องยกเลิกพร้อมกับให้บริการพื้นฐานที่มีคุณภาพ เช่น การศึกษา การสาธารณสุข ฯลฯ เพื่อฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ได้โดยเร็ว เพื่อจะได้เปิดประเทศ เปิดกิจการต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวกลับมา พร้อมเน้นย้ำนโยบาย 50 ย่าน 12 เทศกาล ดึงอัตลักษณ์ของย่านเสริมสร้างเศรษฐกิจ สร้างกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยว และสร้างหารายได้ให้กับประชาชนในแต่ละย่าน

“เราต้องหาคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในชุมชน เช่น เขตบางกอกใหญ่มีพื้นที่วังเดิมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เราสามารถเชื่อมโยงสถานที่สำคัญกับคลองให้เกิดแหล่งท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย และเกิดการสร้างงานโดยเฉพาะการจ้างงานกลุ่มผู้สูงอายุ กทม.ต้องเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงผู้สูงอายุเข้ากับจุดแข็งของแต่ละชุมชน” นายชัชชาติ กล่าว

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ในภาวะที่ทุกคนเดือดร้อนเรื่องเศรษฐกิจ ข้าราชการเจ้าหน้าที่ กทม. ต้องเอาใจใส่ประชาชนให้มากขึ้น ตนเองเชื่อว่า กทม. มีบุคลากรที่มีคุณภาพเยอะ เพียงปรับเปลี่ยนมุมมองการทำงานให้เป็นการ “หันหลังให้ผู้ว่าฯ หันหน้าให้ประชาชน” แล้วนำทรัพยากรที่มีลงไปช่วยเหลือประชาชนให้เต็มที่.