@ผ่าน 10 วันแรกของเดือน “รอมฎอน” โดยที่ยังไม่ปรากฏเหตุการณ์ “ก่อความไม่สงบ” เหมือนกับเดือน “รอมฎอน” ในปีก่อนๆ ที่ผ่านมา มีเพียงเหตุ “ฆ่ากันตาย” หลายราย ซึ่งยังไม่มีหลักฐานปรากฏชัดว่าเป็นเรื่องของความมั่นคงหรือไม่.…ถ้าไม่มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นจนครบ 40 วัน ของเดือน “รอมฎอน” ก็แสดงให้เห็นว่า สัญญา “หยุดยิง” ในเดือน “รอมฎอน” ระหว่าง พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะ “พูดคุยสันติสุข” ฝ่ายไทย กับ “หิพนี มะเร๊ะ” หัวหน้าคณะ “พูดคุยสันติภาพ” ฝ่าย “บีอาร์เอ็น” เป็นของ “จริง” และ เชื่อถือได้….ซึ่งจะเป็น “สัญญาณที่ดี” ในการที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะ “เดินหน้า” ในการ “พูดคุย” เพื่อสร้างความ “สงบ” ให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน “ปลายด้ามขวาน” ใน “อนาคต”…ที่สำคัญที่สุดคือ แสดงให้เห็นว่า “บีอาร์เอ็น” สามารถ “สั่งการ” ให้ “กองกำลังติดอาวุธ” หยุด “ปฏิบัติการ” ได้จริง ประเด็นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่น่า “ดีใจ” สำหรับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ “จังหวัดชายแดนภาคใต้” เพราะความเป็น “เอกภาพ” ของ “กองกำลังติดอาวุธ” จะทำให้ “บีอาร์เอ็น” มีความ “ได้เปรียบ” ทั้งในการ “เจราจาสันติภาพ” และสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้…

@เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ต้องมีการ “ตั้งรับ” สถานการณ์หลังจากเดือน “รอมฎอน” ให้ “รัดกุม” เพราะการ “พูดคุยสันติสุข” หลังจากนี้ไป พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะ “พูดคุย” ฝ่ายไทย จะเล่นบทแบบ “เอ้อระเหยลอยชาย” แบบเดิมๆ ไม่ได้อีกต่อไป เพราะในการทำสัญญา “หยุดยิง” ในเดือน “รอมฎอน” ครั้งนี้ มี “สักขีพยาน” ที่เป็น ตัวแทนของ “เจนีวาคอลล์” ซึ่งเป็น องค์กรจากชาติตะวันตก ร่วมรับรู้ นี่ก็เป็นประเด็น “สำคัญ” ที่ รัฐบาลไทยจะ “ประมาท” ไม่ได้ เพราะ สถานการณ์ของ “ไฟใต้” นับแต่นี้ไป ขบวนการ “บีอาร์เอ็น” ได้มีการ “ยกระดับ” จากกลุ่มก่อความไม่สงบ เป็นขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่สมบูรณ์แบบแล้วนั่นเอง….

@จากเรื่องของความไม่สงบ มาสู่เรื่องของ “เศรษฐกิจ” และการ “ท่องเที่ยว” ในหลายจังหวัดของภาคใต้ตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดที่มี “เกาะแก่ง” มี “ทะเล” ต่าง “ชื่นมื่น” กับเทศกาล “สงกรานต์” ที่มี นักท่องเที่ยว “แห่แหน” ไปท่องเที่ยวกันมากพอสมควร ที่ทั้ง โควิด-19 ยัง ระบาดอยู่ แต่ “โควิด-19” ก็ “ต้าน” ไม่อยู่ เพราะ 2 ปี ที่ไม่มีเทศกาล “สงกรานต์” สร้างความ “อึดอัดขัดข้อง” ใน “หัวใจ” ให้กับคนส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก “โควิด-19” จึงไม่มีความหมายในเทศกาล “สงกรานต์” ปีนี้….แต่สำหรับ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ คนในพื้นที่ “คาดหวัง” ว่า การ “เปิดด่าน” ของประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 1. เมษายน ที่ผ่านมา จะทำให้ “เศรษฐกิจ” และการ “ท่องเที่ยว” มีความ “คึกคัก” จาก นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย สุดท้ายก็ “แห้ว” เพราะ นับตั้งแต่วันที่ “เปิดด่าน” จนถึงเทศกาล “สงกรานต์” มี ชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามาใน จ.สงขลา ไม่ว่าจะที่ “ด่านนอก” ต.สำนักขาม อ.สะเดา และที่ “หาดใหญ่” ที่เป็นเมือง “ท่องเที่ยว” แบบ “นับหัว” ได้ บางวันมีผู้ข้ามแดนที่เป็น “ชาวมาเลเซีย” เพียง 2 คน…..ทั้งหมดจะโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษระบบ “ราชการ” ที่ ไม่เข้าใจปัญหาของ “เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว” ด้วยการกำหนด “กฎเกณฑ์” การเดินทาง “เข้า-ออก” ระหว่างประเทศ ที่ต้องใช้เงินในการ ตรวจโรค-ประกันโรค และที่พัก ถึงคนละ 8,000 บาท เมื่อนักท่องเที่ยวต้องเสียเงินกับเรื่อง “กฎเกณฑ์” การเข้าเมืองถึงคนละ 8,000 บาท แล้วจะมีคน “ปัญญาอ่อน” ที่ไหนจะเข้ามา “ท่องเที่ยว” โดยเฉพาะในวันที่ทุกประเทศต่างมี “ปัญหา” เรื่อง “เศรษฐกิจ” กันทั่วหน้า…..

@เรื่องนี้ องค์กร “เอกชน” ที่มีหน้าที่ด้านการ “ท่องเที่ยว” และ “การลงทุน” ไม่ว่าจะเป็น สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม สมาคมต่างๆ ที่มีอยู่มากมายใน จ.สงขลา จน “นายกสมาคม” จะเดิน “ชนกันตาย” ต้องมีการ “หารือ” กับ เจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.สงขลา ว่าจะดำเนินนโยบายอย่างไร ในการ “เปิดประเทศ” ครั้งนี้ เพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์กับ ธุรกิจ การค้า และ การท่องเที่ยว…..หรือผู้นำใน “หาดใหญ่” จะ “ดูดาย” ปล่อยให้ “หาดใหญ่” กลายเป็นเมืองที่ “ตายซาก” อย่างที่ “เป็นอยู่” ในขณะนี้ ก็ไม่ว่ากัน โดยเฉพาะ ผู้นำ “ท้องถิ่น” ไม่ว่าเป็น อบจ. ที่มี ไพเจน มากสุวรรณ์ เป็นนายก และ เทศบาลนครหาดใหญ่ ที่มี พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี เป็นนายก และบรรดาผู้แทนราษฎร ทั้ง 8 เขต จะไม่ลอง “สุมหัว” คุยกันเพื่อหา “ทางออก” จากการเป็น “ทางตัน” ของ จังหวัดสงขลาบ้างหรือ…..

@เรื่องการ บุกรุก “โบราณสถาน” ที่ “เขาแดง” และ “เขาน้อย” อ.สิงหนคร จ.สงขลา เรื่องนี้ยังไม่จบตรงที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ผู้ทำความผิดมาเป็น “ผู้ต้องหา” แล้ว เพราะล่าสุด สำนักราชเลขาฯ มีหนังสือเรียก พงศ์ธันว์ สำเภาเงิน ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11 จ.สงขลา เข้าพบ เมื่อวันที่ 11 เมษายน.ที่ผ่านมา ดังนั้นเรื่อง คดีการบุกรุก โบราณสถาน” เขาแดง-เขาน้อย” และ เจดีย์ “พระองค์ขาว-พระองค์ดำ” พ.ต.อ.เสวี วุ่นหนู ผกก.สภ.สิงหนคร จ.สงขลา พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา จะทำสำนวนแบบ “หน่อมแน้ม” เพื่อ ช่วยเหลือฝ่าย “การเมือง” ไม่ได้อย่างเด็ดขาด รวมทั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. (สส 5) ก็ต้องติดตามคดีนี้ให้ดี มี “ช่องว่าง” เกิดขึ้นแม้แต่ “นิดเดียว” จะพากัน “ม้วยมรณา” เอาง่ายๆ และล่าสุด ทั้ง ดีเอสไอ และ กอ.รมน.นำกำลังลงตรวจสอบพื้นที่การ “บุกรุก” กับเขาด้วย แสดงว่าเรื่องนี้ “ไม่ธรรมดา” นั่นเอง….

@ชาว “เมืองตรัง” สงสัยว่าโครงการก่อสร้างศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้อันดามัน ที่อยู่ในการ “กำกับดูแล” ของ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง วงเงิน 39,320,000 บาท มีความ “โปร่งใส” และ “ปลอดภัย” พอหรือไม่ เพราะการก่อสร้างช่วงสุดท้าย “คาน” เกิด “ถล่ม” ลงมา วันนี้ “วิศวะ” ผู้รับผิดชอบ มีคำตอบแล้วยังว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เรื่องนี้ ขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.เมืองตรัง ต้องไม่นิ่งนอนใจ…..นี่ก็มีคน “ขี้สงสัย” ฝากถาม พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาว์ดำ ผกก.สภ.เมืองตรัง ถึงรถจักรยายนต์ “สายตรวจ” รุ่น CRB 300 จำนวน 35 คัน ที่จอดทิ้งไว้หลังโรงพัก ว่าจอดทิ้งไว้ทำไม หรือใช้งานไม่ได้ กลายเป็น “เศษเหล็ก” หมดแล้ว ผู้คนที่ “สัญจร” ผ่านไปมา เห็นแล้วไม่สบายใจ เพราะทั้งหมดมาจากเงินภาษีของประชาชน….แต่ที่ทำดีก็ต้องชมนะ องค์การบริหารจังหวัดตรัง ผ่านงบประมาณ 44,720,000 บาท ปรับปรุงผิวจราจร ราดยางแบบ “พาราแอสฟัลต์คอนกรีต” สายบ้านท่าเรือ-หินคอกควาย ระยะทาง 7 กิโลเมตร พร้อมสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก และไฟแสงสว่างตลอดสาย ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของชาวบ้าน ในหมู่ 6-7 ต.บ้านนา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ชาวบ้านฝากขอบคุณ บุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายก อบจ.ตรัง มา ณ ที่นี้ด้วย…..

@เขียนบ่อยแต่ยังต้องเขียนต่อ เพราะปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข นั้นคือเรื่องของ “น้ำมันเถื่อน” ในพื้นที่ จ.สงขลา โดยเฉพาะที่ อ.สะเดา ซึ่ง ณ วันนี้ มี “คอกน้ำมันเถื่อน” ใน พื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ ต.ทุ่งหมอ ต.ท่าโพธิ์ เป็นจำนวนมาก ใช่ น้ำมันเถื่อน ทำให้คนได้ใช้น้ำมันที่มีราคาถูกก็จริง แต่ก็เป็นเรื่องการทำผิด “กฎหมาย” และที่สำคัญ เป็นการทำให้รัฐขาด “รายได้” เพื่อมาใช้ในการบริหารประเทศ เป็น “หน้าที่” ของ “ศุลกากร, สรรพสามิต” โดยเฉพาะ หน่วยงานที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ในการ “จับกุม” น้ำมันเถื่อนโดยตรง อย่าง ตร.ปนม. ซึ่งขึ้นตรงกับ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. (สส.2) ในฐานะ ผอ.ศ.ตร.ปนม. ต้อง “สั่งการ” ให้ ตร.ปนม. ที่เดินกัน “ขวักไขว่” ในพื้นที่ ตรวจสอบ และ จับกุมผู้ค้าน้ำมันเถื่อน ในพื้นที่โดยด่วน เพราะที่ผ่านมา ตร.ปนม.ในพื้นที่ของ ภ.9 ไม่สนใจในการปราบปราม จับกุม ผู้ค้าน้ำมันเถื่อน แต่สนใจในการตรวจสอบรถบรรทุกน้ำมันจาก “คลังน้ำมัน” ที่ถูกต้องตามกฎหมาย และปั๊มน้ำมันต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบ “เอกสาร” ว่ามีครบถ้วนหรือไม่ ใคร “เผอเรอ” มีเอกสาร “กำกับรถ” และ “กำกับปั๊ม” ไม่ครบถ้วน ก็จะเรียกเงินเรียกทอง แลกกับการไม่ “ดำเนินคดี” เรื่องอย่างนี้ “นายใหม่” ต้อง “รับรู้” เพื่อจะได้ทราบ “พฤติกรรม” ของ “ลูกน้อง”…..

@หลังจากที่มีการจับ บุหรี่เถื่อนลอตใหญ่ ของ “เสี่ยหยอย” ใน พื้นที่ อ.บางกล่ำ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อ “สัปดาห์” ก่อน หลายสิบล้านบาท วันนี้ หน่วยงาน ดีเอสไอ, สรรพสามิต และ ตำรวจ ภ.9 ก็ร่วมกันจับกุม บุหรี่เถื่อน “ลอตใหญ่” ใน อ.นาหม่อม จ.สงขลา มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท ซึ่ง บุหรี่หนีภาษี “ลอตนี้” เป็นของ “นายทุน” ใน จ.นราธิวาส นำขึ้นจากเรือที่ชายฝั่ง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี และ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และขนส่งมาเก็บไว้ที่ โกดัง อ.นาหม่อม จ.สงขลา เพื่อส่งต่อไปยังจังหวัดต่างๆ งานนี้ ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสืบสวนพิเศษ “ได้หน้า” ไปเต็มๆ แต่ข่าวว่า การจับกุมเที่ยวนี้ เกิดจากการไม่ยอมจ่าย “ส่วย” ให้กับ หน่วยงานบางหน่วย จึงต้องมีการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” เที่ยวหน้าห้ามเบี้ยวนะ ถ้ายังจะทำธุรกิจ “บุหรี่หนีภาษี”….. ก็คงต้องบอกให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้รับทราบว่า วันนี้ ธุรกิจเถื่อนที่ “อู้ฟู่” ในจังหวัดชายฝั่งทะเลของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคใต้ มีธุรกิจเถื่อน 2 อย่าง คือ การค้า บุหรี่เถื่อน และ น้ำมันเถื่อน ที่นอกจากจะ “ทำเงิน” ให้กับ “นายทุน” แล้ว ข่าวยังว่ายัง “ทำเงิน” ให้กับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” เพราะ “ส่วย” บุหรี่และ “ส่วย” น้ำมัน สร้างความ “ร่ำรวย” ให้กับ หน้าที่ถึง 19 หน่วยงาน ว่างๆ จะนำ “รายชื่อ” ทั้ง 19 หน่วยงานมา “แฉ” ให้ ประชาชนทั้งประเทศได้รับรู้ ส่วน “นายกรัฐมนตรี” และ ผบ.ตร. เมื่อ “รับรู้” แล้ว จะแก้อย่างไร ก็ว่ากันไป….

@และอีก ธุรกิจหนึ่งที่ “เฟื่องฟู” เป็นอย่างยิ่ง ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็น “หัวเมือง” ในภาคใต้คือ “บ่อนออนไลน์” และทั้ง บุหรี่เถื่อน, น้ำมันเถื่อน และ บ่อนออนไลน์ ผู้ที่อยู่ “เบื้องหลัง” ล้วนเป็น “นักการเมือง” ทั้งสิ้น และเงินจากการทำธุรกิจผิดกฎหมายนี่แหละที่ถูกเตรียมไว้เพื่อใช้ในการ “เลือกตั้ง” ครั้งใหม่ที่จะถึงนี้….ถามว่าทำไม “นักเลือกตั้ง” จึงกล้าที่จะ “ซื้อเสียง” ตั้งแต่ 1,000 -3,000 บาท ต่อหัว ก็เพราะ “เงิน” ที่ใช้ในการ “ซื้อเสียง” เป็น “เงิน” ที่ได้มาง่าย จากการทำธุรกิจเถื่อนนี่แหละ และในการ “จับกุม” ไม่ว่าจะเป็น “บ่อนออนไลน์” หรือเป็น “น้ำมันเถื่อน” และ “บุหรี่เถื่อน” เจ้าหน้าที่ ไม่เคย “สืบสวน” ถึง “ต้นตอ” ที่เป็น “เจ้าของที่แท้จริง” มีแต่เอา “ปลาซิว ปลาสร้อย” ไปเป็น ผู้ต้องหา ส่งฟ้อง และ ก็จบ เมื่อ พฤติกรรม “เลี้ยงเป็ดไว้กินไข่” ยังไม่มีการ “ยกเลิก” ปัญหาของ ธุรกิจเถื่อน สำหรับประเทศไทย จึงยัง “อยู่ยั้งยืนยง” ตลอดไป และกลายเป็นปัญหา “ตลอดชาติ” โดยเฉพาะ “บ่อนออนไลน์” ที่มี “เยาวชน” และ “แม่บ้าน” กลายเป็น “เหยื่อ” ที่มีทั้ง “ฆ่าตัวตาย” และมีทั้ง “หมดเนื้อหมดตัว” เพราะติดการพนันออนไลน์…..

@“แพงทั้งแผ่นดิน” และ “เดือดร้อนทั้งแผ่นดิน” วันนี้ สินค้า อุปโภค บริโภค ทุกอย่าง มีการปรับขึ้นราคาไปแบบ “เรียบร้อยโรงเรียนพาณิชย์” ไปแล้ว แม้แต่ “อาหารจานเดียว” ยังขึ้นราคาไปจานละ 5 บาท จากราคาแก๊สที่ปรับขึ้น ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ส่วน “แม่ค้า” เจ้าไหนที่ไม่ปรับราคา ก็ทำจำนวน “อาหาร” ในจานลดลง ผู้บริโภคคือผู้รับเคราะห์ที่ “ปลายทาง” ก็ได้แต่เห็นใจ “พาณิชย์จังหวัด” ทุกจังหวัด ที่มีก็เหมือนไม่มี เพราะทำอะไรไม่ได้ เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องมีส่วนในการ “รับผิดชอบ” และต้องมี “นโยบาย” ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของคน “ทั้งแผ่นดิน” อย่าได้ ผลักความรับผิดชอบไว้เป็น “บ่าไหล่” ของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เพียงคนเดียว….และที่น่า “ขนลุกขนพอง” คือ การที่ กระทรวงพลังงาน ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. เป็นต้นไป จะมีการ “ลอยตัว” น้ำมัน “ดีเซล” ให้ อยู่กับ “ความเป็นจริง” นั่นหมายความว่า ราคาน้ำมัน “ดีเซล” ในประเทศไทย จะทยอยขึ้นราคาตาม “ขั้นบันได” ไปอีก 8 บาทต่อลิตร เพราะขณะนี้ รัฐใช้เงินจาก “กองทุนน้ำมัน” มาทำการ “ชดเชย” อยู่ลิตรละ 8 บาท….ถ้าราคาน้ำมันดีเซล อยู่ที่ลิตรละ 38 บาท ตาม “กลไก” ของ “ตลาดโลก” เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา พ่อค้า แม่ค้า คนที่ต้อง ขับรถยนต์ไปทำงาน ทำมาหากิน จะอยู่กันอย่างไร และ สินค้าทุกอย่างจะขอขึ้นราคาไปอีกเท่าไหร่ “โจทย์” นี้เป็น “โจทย์ใหญ่” ที่จะมาพร้อมกับการ “อภิปรายไม่ไว้วางใจ” รัฐบาลของ “ฝ่ายค้าน” ที่ รัฐบาล โดย ครม. ต้องแก้ปัญหา ก่อนถึงวันที่ 1 พฤกษาคม เพื่อการ “รับมือ” น้ำมันแพง ไม่ใช่รอให้เกิด “วิกฤติ” เสียก่อนแล้วค่อย “ลุกลี้ลุกลน” ในการแก้ปัญหาแบบ “แก้ผ้าเอาหน้ารอด” อย่างที่เคยประพฤติปฏิบัติจนเคยชิน…..

@สำหรับประชาชนอย่าง เราๆ ท่านๆ ก็อย่ารอให้ รัฐบาล ออกมา แก้ไข เพื่อให้การช่วยเหลือ วันนี้ เราๆ ท่านๆ ต้อง คิดเอง หาทางออกด้วยตนเอง เพื่อให้ “แบกรับ” ความเดือดร้อนของ “ครอบครัว” ให้น้อยที่สุด เอา “สุภาษิต” ไทยมาใช้ คือ “อัตหิ อัตโนนาโถ” ตนนั่นแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน คือทางออกที่ดีที่สุด เพราะ สงครามระหว่าง “รัสเซีย” กับ “ยูเครน” ยังไม่มีอะไรที่ “บ่งบอก” ว่าจะ “ยุติ” เพื่อ “หยุด” สถานการณ์ “วิกฤติเชื้อเพลิง”…..

@ปัญหามีไว้ให้แก้ ในที่สุด ปัญหาของ “สายการบินนกแอร์” กับการบินที่ “สนามบินเบตง” จ.ยะลา ก็มี “ทางออก” โดย “นกแอร์” จะเริ่มบินเป็น “ปกติ” ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน เป็นต้นไป สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ผู้ที่สนใจที่จะเดินทาง ระหว่าง ดอนเมือง-เบตง หารายละเอียดในเรื่อง “ตารางบิน” กันได้ ก็เชื่อมั่นว่า ครั้งนี้ “นกแอร์” คงมีการทำ “การบ้าน” เป็นอย่างดี คงจะไม่ประกาศ “งดบิน” เหมือนที่ผ่านมา ส่วนผู้ที่ “เหน็ดเหนื่อย” ในการ “บูรณาการ” กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนทำให้ปัญหาของ “นกแอร์” และ “สนามบินเบตง” มี “ทางออก” ก็คือ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั่นเอง…..

@การตัดไม้ทำลายป่า ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา นราธิวาส และ สงขลา ในพื้นที่ 4 อำเภอ ที่เป็นพื้นที่ “สีแดง” ยังมี “มอดไม้” ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ ในแต่ละอำเภอ มีหน่วยงานของ “ทหาร” ตั้งอยู่ และแต่ละพื้นที่ซึ่งมีการ “ตัดไม้ทำลายป่า” ก็มี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อส. ชรบ. อยู่เต็มพื้นที่ เรื่องนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ต้องมีคำตอบให้กับสังคมว่า ทำไม่จึงไม่สามารถ “หยุด” เหล่า “มอดไม้” ที่ ปฏิบัติการ อยู่ในพื้นที่ “สีแดง” เหล่านี้ไม่ได้ ทั้งที่มีกำลัง “ทหาร” และ “กองกำลังท้องถิ่น” อยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่…..

@เป็นปรากฏการณ์แรกของ สภาพอากาศที่ “แปรปรวน” ทำให้ “ควายน้ำ” ที่อาศัยอยู่ใน “ทะเลน้อย” “ล้มตาย” เป็นจำนวนมาก บุญส่ง รัตนาพร ปศุสัตว์จังหวัดพัทลุง แจ้งว่า เป็นเพราะ “วัชพืช” ในแปลงหญ้า ที่ทำให้ “ควายน้ำ” อ่อนแอ และ “ล้มตาย” ซึ่งขณะนี้ ปศุสัตว์จังหวัด ได้นำอาหารสัตว์ “พระราชทาน” จำนวน 8,000 กิโลกรัม มาทำการช่วยเหลือแล้ว อย่างไรเสียก็อย่าลืมว่า “ควายน้ำ” มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ “ทะเลน้อย” จ.พัทลุง จึงต้องเร่ง แก้ปัญหา เพื่อ “อนุรักษ์” เอาไว้สืบไป อย่าให้ “สูญพันธุ์” เหมือนกับ สัตว์หลายๆ ชนิดของประเทศนี้ที่เหลือเพียง “ชื่อ” และ “ภาพถ่าย” ให้คนรุ่นหลังได้ดู….

@ชาวบ้านในพื้นที่ เขตเทศบาลตำบลเทพา จ.สงขลา ฟ้องมาว่า มีการ “ตัดต้นตำเสา” จำนวนหลายสิบต้น ที่ปลูกอยู่ในเขตเทศบาลตำบลเทพา ซึ่งเป็น ต้นไม้ “ของหลวง” ไปเพื่อใช้ประโยชน์ในการ “สร้างรีสอร์ท” หรือ “บ้านพัก” อย่างใดอย่างหนึ่ง ขอให้ มีการ “ตรวจสอบ” ว่า เป็นฝีมือของใคร เพราะมีหลักฐานที่มีผู้แอบถ่ายภาพไว้ว่า “คนตัด” เป็นคน “ของหลวง” และรถที่มาขนไม้ก็เป็น “รถหลวง” เรื่องนี้ ก็คงต้องฝากไปยัง เจษฎา จิตรัตน์ ในฐานะของ ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ทำการ สืบสวน สอบสวน หาข้อเท็จจริง ว่า “ไม้ตำเสา” ที่เป็น “สมบัติแผ่นดิน” ถูกใคร “ตัดไป” และ สถานที่ซึ่งใช้ “ไม้ตำเสา” ไป “ปลูกสร้าง” เป็นของ “ข้าราชการ” หรือของ “เอกชน”…..

@อีกเรื่องที่ “ค้างคาใจ” ของ “สังคม” เมื่อหลายวันก่อน หลายหน่วยงาน “สนธิกำลัง” จับกุม “นายทุน” ผู้ที่ค้า “ยาเสพติด” รายใหญ่ ของ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นอกจากได้ของกลาง “ยาเสพติด” และมีการ “ยึดทรัพย์สิน” เป็นอันมากแล้ว ยังพบอาวุธปืนสั้น ปืนยาว รวม 18 กระบอก ผู้ให้ “อนุญาต” คือนายอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ถามว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ก่อนออกใบอนุญาต “ซื้อปืน” และ “ใบพก” ไม่มีการ “ตรวจสอบ” ประวัติของ “ผู้ขอ” เลยหรือ ว่ามีประวัติเป็นมาอย่างไร และ วันนี้แม้นายอำเภอ สุไหงโก-ลก ย้ายไปเป็น ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. แล้วก็จริง แต่ “สังคม” อยากให้มีการ “สืบสวน” ข้อเท็จจริงของ “ที่มา ที่ไป” ของ ใบอนุญาตทั้ง 18 ใบว่ามีความ “เป็นมา” อย่างไร….ก่อนหน้าที่ นายอำเภอสิงหนคร จ.สงขลา ก็เคย “ตกเป็นข่าว” ออก “ใบอนุญาต” อาวุธปืน “สงคราม” ให้กับ ผู้ค้ายาเสพติด “รายใหญ่” ของ อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งระบุว่า เป็นสายข่าว ของ ฝ่ายปกครอง มาแล้ว และผลที่เกิดขึ้นคือถูกย้ายด่วน “เข้ากรุ” ไปเรียบร้อย ….เรื่องนี้เป็นความ “ขมขื่น” ของชาวบ้าน ของ อส.ของ ชรบ. ที่เป็น ผู้ช่วย เจ้าหน้าที่รัฐ ที่การขอ “อนุญาต” ซื้อปืนและ “ใบพก” ยากเย็นมาก แต่ทำไมกับ “นายทุน” ผู้ค้ายาเสพติด จึงออกใบ “อนุญาต” และ “ใบพก” ง่ายดายเหลือเกิน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้อง “รับรู้” และต้อง “เข้มงวด” ในเรื่องนี้กับ ฝ่ายปกครอง เป็นพิเศษ โดยเฉพาะในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้…. แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้าครับ….

——————————————————–

ไชยยงค์ มณีพิลึก

มอบถุงน้ำใจ…. ชมรมครอบครัวศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดย พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.เป็นประธานมอบถุงรวมน้ำใจ 150 ชุด แก่ศูนย์พัฒนาอาชีพ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อนำไปมอบให้กับ ครัวเรือนยากจนในเดือนรอมฎอน

กระจูดแก้จน…. ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดงาน “กระจูดแก้จน” ซึ่งเป็นโครงการของ มหาวิทยาลัยทักษิณ พัฒนาพัทลุงโมเดล กระจูดแก้จน และชมผลงานของกลุ่มวิสาหกิจกระจูดวรรณี ณ มหาวิทยาลัยทักษิณ จ.พัทลุง

เยี่ยมการตรวจเลือกทหาร…. พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 และคณะ เดินทางตรวจความเรียบร้อยในการคัดเลือกทการในพื้นที่ จ.ยะลา, ปัตตานี และ นราธิวาส พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้มีความโปร่งใสในการตรวจคัดเลือกทหารในครั้งนี้

แจกโฉนด…. นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นประธานในการมอบโฉนดที่ดิน ตามนโยบายที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้กับประชาชน แก่เกษตรกรชาวสวนปาล์มและยางพารา หมู่ที่ 7 ต.ทุ่งพอ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา

แก้ปัญหาเมืองชายแดน…. จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ และนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่ อ.เบตง ร่วมประชุมหน่วยราชการและองค์กรเอกชน เพื่อแก้ปัญหาแรงงาน น้ำท่วม การค้าชายแดน การท่องเที่ยว โดยมี ชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการ ศอ.บต. ให้การต้อนรับ และพบปะกับประชาชนในตลาดเบตง

พบปะผู้นำศาสนา…. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุทธิเวท บุญยรัตกลิน รอง ผบก. และคณะ ร่วมกันมอบสิ่งของเพื่อใช้บริโภคในเดือนรอมฎอน และพูดคุยสร้างความเข้าใจการอำนวยความสะดวกในด้านการจราจรเพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชนที่ออกมาจับจ่ายสิ่งของ โดยมี คณะกรรมการอิสลามจังหวัดให้การต้อนรับ

ทุนการศึกษา…. ขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง และกรรมการคัดเลือกผู้ได้รับทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามกุฎราชกุมาร (ม.ท.ส.) รุ่นที่ 11 และ 12. จำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นนักเรียน รร.สภาราชินี และ รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ จ.ตรัง

ดอกเบี้ยโหด…. พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 และ พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.สส.ภ.9 นำกำลังเข้าทลายแหล่งรับจำนำรถยนต์ ซึ่งคิดดอกเบี้ยโหดเกินกว่ากฎหมายกำหนด ที่ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ยึดได้ของกลางเป็นจำนวนมาก

กำลังใจ…. เดชอิศม์ ขาวทอง (นายกชาย) รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส. เขต 5 จ.สงขลา แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ห้องประชุม โรงแรมต้นอ้อย หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกรุกโบราณสถาน เขาแดง-เขาน้อย ที่ อ.สิงหนคร โดยมีผู้เดินทางไปมอบดอกไม้ให้กำลังใจ จำนวนหนึ่ง

ยินดีต้อนรับ…. ตัวแทนภาครัฐและประชาชน มอบแจกันดอกไม้ เพื่อแสดงความยินดีกับ กริชชัย ภู่ฉุน นายอำเภอกระแสสินธุ์ จ.สงขลา ที่ย้ายมารับตำแห่งเดิมที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา

ซักซ้อม…. ไพเจน มากสุวรรณ์ นายกอบ จ.สงขลาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ อบจ.สงขลา พ.ต.อ.เสวี วุ่นหนู ผกก.สภ.สิงหนคร และคณะผู้บริหาร เทศบาลเมืองสิงหนคร ตัวแทนจากหน่วยงานภาคเอกชน ร่วมกันซักซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและอุบัติเหตุจากสารเคมีรั่วไหล ประจำปีงบประมาณ 2565

ตรวจเลือกทหาร… นพพร หนูเพชร นายอำเภอสะบ้าย้อย ให้การต้อนรับพลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานที่ตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ประจำปี พ.ศ.2565

แถลงข่าว… พล.ต.เฉลิมพร เขียวขำ ผบ.ฉก.นราธิวาส, พล.ต.ต.แวสาแม สาและ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน อ.สุไหงโก-ลก และยึดทรัพย์ได้เป็นจำนวนมาก ณ.ฐานปฏิบัติการ ฉก.93 อ.สุไหงโก-ลก

ธนาคารปู…. ศรัทธา คชพลายุกต์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ลงพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา พบปะและติดตามความก้าวหน้า วิสาหกิจชุมชนธนาคารปูม้า หัวเขื่อนปากน้ำเทพา ตามโครงการตำบล มั่งคง มั่นคั่ง ยั่งยืน เพื่อผลักดันให้ จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น “เมืองปูทะเลโลก” ต่อไป

มอบผู้ยากไร้-เด็กกำพร้า…. เชิดพงษ์ ใจตรง นายอำเภอบันนังสตา จ.ยะลา ฮัสบูเลาะ หิเล นายกสมาคมผู้นำอิสลามชายแดนใต้ เป็นตัวแทนองค์กรอื่นๆ มอบเครื่องอุปโภค-บริโภค เพื่อช่วยผู้ยากไร้ เด็กกำพร้า โดยมี มะรอปี มะสะแต กำนัน ต.ตาเนาะปูเต๊ะ เป็นผู้รับมอบ

เยี่ยมชม…. สนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสพร้อมด้วย คุณสิริวิมล พงศ์อักษร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส และคณะเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน Hand In Hand รือเสาะ จ.นราธิวาส เพื่อเป็นขวัญกำลังใจพร้อมศึกษาข้อมูล รับฟังปัญหาและความต้องการต่างๆ เพื่อมีแนวทางการส่งเสริมให้การสนับสนุนช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ต่อไป โดยมี วิเชษฐ์ ไทยทองนุ่ม นายกเทศมนตรีตำบลรือเสาะ พร้อมด้วย นูรี เดวาดาแล ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน Hand In Hand รือเสาะ และสมาชิกกลุ่มร่วมให้การต้อนรับ

“วันว่าง”…. เชิดเกียรติ เมธีลักษณ์ ที่ปรึกษานายก อบจ.สงขลา ได้รับมอบหมายจาก ไพเจน มากสุวรรณ์ นายก อบจ.สงขลา เป็นประธานในงาน สืบสานประเพณี “วันว่าง” ณ สถาบันทักษิณคดีศึกษา ต.เกาะยอ อ.เมือง สงขลา โดยมี รศ.ไพบูลย์ ดวงจันทร์ รองอธิการฝ่ายบริหารฯ ม.ทักษิณ และผู้มีเกียรติร่วมงานจำนวนมาก