ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจ้า สายตาของผู้ที่ขับรถผ่านไปมาต่างต้องหยุดมองสองผู้เฒ่า ชายชราที่กำลังไสรถเข็นที่มีหญิงชรานั่งอยู่ไปตามถนนย่านบ้านเตาถ่าน ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทั้งสองคนผิวคล้ำกรำแดด ร่องรอยเหี่ยวย่นตามใบหน้ามีเหงื่อไหลท่วมตัว สภาพชายชราเหนื่อยล้าอิดโรย
พลเมืองดีสงสารจอดรถสอบถามจุดหมายปลายทางที่จะไป จึงทราบว่าทั้งสองคือ นายบุญมี กลิ่นชื่น และ นางเยื้อน เหมือนมาโนช เป็นสามีภรรยากัน และอายุ 74 ปีเท่ากัน
ตาบุญมี น้ำเสียงสั่นเพราะความเหนื่อยล้า บอกว่า กำลังจะพายายเยื้อนไปหาหมอที่อนามัยบ้านเตาถ่าน เพราะยายถูกไม้แหลมแทงเข้าที่เท้าจนเป็นแผล และยายก็เป็นโรคเบาหวานและอีกหลายโรค ทำให้แผลไม่ยอมหาย เดินเหินลำบาก อีกทั้งแผลก็อักเสบ ก่อนหน้านี้ตามีรถจักรยานยนต์พ่วงข้างอยู่ 1 คัน จะตระเวนเก็บของเก่าขาย แต่มีวันหนึ่ง สองตายายขี่รถออกหากินกลับถูกรถตู้ชนจนรถพัง ซึ่งคู่กรณีก็ไม่มาเหลียวแลรับผิดชอบ และตายังมีอาการบอบช้ำ ยังไม่หายดี รถที่พังก็ไม่มีเงินจะซ่อม จะขี่ก็ไม่ได้เหมือนท่อมันแตก เสียงจะดังมาก ถ้าขี่ไปตามถนนก็กลัวตำรวจจะจับ และก็กลัวรถจะมาชนอีก
“ระยะทางจากบ้านในชุมชนบ่อ 2 รวมระยะทางไปกลับอนามัยประมาณ 3 กิโลเมตร ตายังไหว ยังมีแรงที่จะเข็นยายไปหาหมอได้ เราอยู่กันลำพังสองคนเท่านั้น ตาเคยสัญญากับยายไว้ว่าจะดูแลกันไปจนวันตาย จะร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทิ้งกันไปไหน ทุกวันนี้ไม่ได้ออกหาเก็บของเก่าขาย ก็อาศัยเงินคนชราคนละ 700 บาทต่อเดือน ถึงไม่พอก็ต้องให้พอกินกันอย่างประหยัด ใช้เท่าที่จำเป็น บางทีคนที่เห็นใจ เขาก็ให้เงินคนละนิดละหน่อยช่วยเหลือ ตายายก็ซึ้งในน้ำใจเขามาก”
ตาบุญมี เล่าต่อว่า เราสองคนอยู่กินกันในบ้านหลังเก่าทรุดโทรม ได้รับความเมตตาจากกองทัพเรือ อนุญาตให้ใช้ที่ดินเป็นที่พักอาศัยซุกหัวนอน และเป็นที่ทำมาหากินมานานกว่า 30 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า ทำให้มีชีวิตอยู่รอดมาจนทุกวันนี้ สำหรับเรื่องราวความรักนั้น เมื่อก่อนตาก็ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัว แต่ย้อนเวลากลับไป 10 กว่าปีก่อน ตาได้เดินทางไปทำธุระในพื้นที่ภาคกลางหลายจังหวัด ก่อนจะได้พบรักครั้งแรกกับยายที่สถานีรถไฟ จ.นครปฐม จึงตกลงปลงใจมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่สัตหีบ และยึดอาชีพเก็บของเก่าขายเลี้ยงชีพกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ขณะที่ ตาบุญมี ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของคนแก่สองคนที่มาพบรักกัน และใช้ชีวิตดูแลกันในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ กับคำมั่นสัญญาที่จะไม่ทอดทิ้งกันจนลมหายใจสุดท้าย ยายเยื้อนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้น ได้นั่งกุมมือสามีตลอดเวลา น้ำตาไหลซาบซึ้ง พร้อมกับพูดว่า “ยายโชคดีที่มาเจอตา เหมือนพระมาโปรด แม้ยายจะเคยมีครอบครัวมาก่อน แต่สามีเก่าได้เสียชีวิต ตาก็ไม่เคยรังเกียจ ตาดูแลยายเป็นอย่างดี ไม่มีบกพร่อง ถ้าไม่มีตาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะเป็นอย่างไร”
ต่อมา จ่าตรีนครินทร์ ปานรักษ์ อายุ 23 ปี สังกัดกองทัพเรือ ทหารเรือใจดี ที่ทราบข่าวสองตายายจากในโซเชียล ได้ขับรถเดินทางมาที่บ้านตาบุญมี เพื่ออาสาที่จะพายายเยื้อนไปทำแผลที่อนามัยทุกวัน เพื่อให้สองตายายจะได้ไม่ต้องลำบากและเสี่ยงกับอุบัติเหตุบนท้องถนน เพราะทราบข่าวว่า ช่วงนี้ยายจะต้องให้หมอทำแผลทุกวันเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลุกลาม ขณะที่แพทย์และพยาบาลที่อนามัย ก็ให้การดูแลยายเป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันพลเมืองดีก็ได้ประสานไปยัง น.ส.ทวิชา ประทุมบัวโต อาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) ประจำเทศบาลเมืองสัตหีบ เพื่อหวังจะให้มีการช่วยเหลือสองตายายอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว โดย น.ส.ทวิชา ได้ลงพื้นที่เยี่ยมตาบุญมีกับยายเยื้อนที่บ้าน สอบถามด้านความเป็นอยู่เพื่อจะให้ความช่วยเหลือ และรับปากจะพาทีมงาน อสม. เข้ามาทำแผลให้กับยายที่บ้านทุกวันจนกว่าบาดแผลจะหายดี ทั้งสองจะได้ไม่ลำบากเข็นรถไปหาหมอกันอีก
หลังมีคนใจดียื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ร้อน สองตายายดีใจยิ้มแก้ปริ..
จากนี้.. ตาบุญมีจะไม่ต้องไสรถเข็นพายายเยื้อนไปตามถนน ตากแดดเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว และยายจะได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาแม้ทั้งสองคนจะอยู่กันอย่างลำบากแต่ไม่เคยปริปากร้องขออะไรจากใคร พยายามช่วยเหลือตัวเองกันมาตลอด แสดงให้เห็นว่ารักนี้ช่างมีพลังจริงๆ!! “ตาบุญมี” พ่อพระของยายเยื้อน.
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : ณัฐภูมินทร์ ปานรักษ์ จ.ชลบุรี
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่…..