ในคำสั่งที่ลงนามโดย นายกรัฐมนตรีพันคำ วิพาวัน คาดว่าภาคการเกษตรของลาว จะเติบโตในอัตราเฉลี่ยรายปีที่ 2.5% และจะมีสัดส่วน 15.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ภายในปี 2568

จากรายงานโดยสำนักข่าวเอเชีย นิวส์ เน็ตเวิร์ค และหนังสือพิมพ์ เวียงจันทน์ ไทม์ส ในคำสั่ง 20 หน้ากระดาษ ยังทำนายว่าภาคอุตสาหกรรมของลาว จะเติบโตในอัตรารายปีที่ 4.1% และจะมีสัดส่วน 32.3% ของจีดีพี ภายในปี 2568 ส่วนภาคบริการคาดว่าจะเติบโต 6% และมีสัดส่วน 40.7% ของจีดีพี ในระยะ 3–4 ปีข้างหน้า

ส่วนภาคภาษี คาดว่าจะเติบโต 5.8% และน่าจะมีสัดส่วน 11.7% ของจีดีพี ภายในปี 2568

รัฐบาลลาวเชื่อว่า รายได้ต่อหัวต่อปีของประชากร จะสูงขึ้นถึง 2,880 ดอลลาร์สหรัฐ (96,626 บาท) ภายในปี 2568

นายดาววอน พะจันทะวง รองประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาว (แอลเอ็นซีซีไอ) กล่าวว่า สปป.ลาว สามารถบรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจได้ หากหลายโครงการพัฒนาขนาดยักษ์ มีความคืบหน้า ตามแผนที่วางไว้

โครงการเหล่านี้รวมถึง เมืองอัจฉริยะ ทางด่วน เขตเศรษฐกิจพิเศษ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เหมืองแร่ และการพัฒนาสาธารณูปโภคในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งจะส่งเสริมการเติบโตของจีดีพีได้เป็นอย่างมาก

แต่หนึ่งในความท้าทายใหญ่สุดคือ ความสามารถของรัฐบาล ในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แล้วเร่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

รัฐบาลลาวประกาศแผนดำเนินการ โครงการสำคัญเร่งด่วนเป็นจำนวนมาก เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ จนถึงปี 2568 โครงการเหล่านี้รวมถึงวาระแห่งชาติ 2 โครงการ เพื่อจัดการความยุ่งยากทางเศรษฐกิจและการเงิน และขบวนการลักลอบค้ายาเสพติด

รัฐบาลลาวจะปรับปรุงให้ทันสมัย ระบบจัดเก็บรายได้ และแก้ไขปัญหาการรั่วไหลทางการเงิน เพื่อกระตุ้นรายได้เข้าคลังของรัฐ และมีแผนลดภาระหนี้สินเรื้อรัง ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน ทรัพย์สินของรัฐ หุ้น และการทำเหมือง และลดจำนวนการออกเงินกู้

ในคำสั่งของนายกฯ พันคำ เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราและเงินเฟ้อ เพื่อบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน

ก่อนหน้านี้ทางการเวียงจันทน์ประกาศ จะขจัดความยุ่งยากล่าช้าแบบราชการ แล้วทดแทนด้วยการปูพรมแดง (remove red tape and replace it with red carpet) เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้มากขึ้น และสร้างงานเพิ่มขึ้น สำหรับชาวลาวในประเทศ

ในคำสั่งฯ ย้ำให้ทุกหน่วยงานลาวที่เกี่ยวข้อง พยายามเก็บเกี่ยวประโยชน์ จากโครงการรถไฟลาว-จีน เพื่อกระตุ้นผลิตภาพ และพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูป ซึ่งจะทำให้สินค้าที่ผลิตได้ตลอดแนวสองฟากทางรถไฟ ส่งออกได้ง่าย

ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้รับคำสั่งจากรัฐบาล ให้ช่วยกันส่งเสริม การรณรงค์การท่องเที่ยว ลาวเที่ยวลาว (Lao Visit Laos) รวมทั้งปรับปรุงสถานที่ และผลิตภัณฑ์ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ

รัฐบาลลาวจะเดินหน้าส่งเสริม การเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับเอกชน ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี และเงินทุนเข้าสู่ลาว เพื่อกระตุ้นการพัฒนาสาธารณูปโภค

หลายหน่วยงานของรัฐยังได้รับคำสั่ง ให้ประสานความร่วมมือ ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี และรับประกันว่าจะต้องเพิ่มคุณค่า ในสินค้าทุกชนิดที่ลาวจะส่งออก.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : XINHUA