จากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวว่า สหรัฐต้องการให้อินเดีย อยู่ห่างรัสเซียให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ แม้จะทราบดีว่าอินเดียต้องพึ่งพาสินค้ารัสเซียอย่างหนัก โดยเฉพาะอาวุธยุทธภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธ และเครื่องบินรบ

อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศ ที่ “ไม่ประณาม” ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน และงดออกเสียงเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังทหาร ในการลงมติในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ

แหล่งข่าววงในกระทรวงกลาโหมอินเดีย เผยว่า กลุ่มชาติตะวันตกเข้าใจจุดยืนของอินเดีย ซึ่งมีความจำเป็นต้องสะสมอาวุธ และพัฒนาแสนยานุภาพกองทัพ ท่ามกลางความตึงเครียดยืดเยื้อ กับ 2 ประเทศเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่ คือ​ จีนและปากีสถาน

อินเดียนำเข้าน้ำมันประมาณ 80% ของความต้องการใช้ในประเทศทั้งหมด และตามปกติจะซื้อจากรัสเซียประมาณ 2-3% เท่านั้น และเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงถึง 40% ในปีนี้ รัฐบาลอินเดียจึงพยายามมองหาวิธีลดรายจ่าย สำหรับสินค้าจำเป็นอย่างยิ่งประเภทนี้

เจ้าหน้าที่อินเดียเผยว่า รัสเซียเสนอขายน้ำมันดิบ และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ให้ ในราคาลดกระหน่ำ แบบขายเลหลัง (heavy discount) ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่รัฐบาลอินเดียจะรับข้อเสนอ

แต่การซื้อขายจะต้องมีกระบวนการเตรียมการ ยุ่งยากพอสมควร เช่น เรื่องการขนส่ง ประกันภัย และตรวจสอบคุณภาพน้ำมันดิบ ตรงตามสเปกหรือไม่ และยังมีรายงานว่า ทางการอินเดียกำลังพยายามจัดตั้งกลไก ซื้อขายแบบใช้สกุลเงินของทั้ง 2 ฝ่าย รูปี-รูเบิล เพื่อสานต่อการค้าทวิภาคีกับรัสเซีย

หลังถุกกลุ่มชาติตะวันตก และพันธมิตรทั่วโลกคว่ำบาตร เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครน รัสเซียได้เรียกร้องไปยังบรรดาประเทศที่เป็นมิตร ให้รักษาความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน กับรัสเซียเอาไว้

นอกจากน้ำมันดิบแล้ว อินเดียยังมองหาปุ๋ยราคาถูก จากรัสเซียและเบลารุสด้วย

รัฐบาลอินเดียกล่าวว่า ไม่สามารถหาแหล่งซื้อสินค้าอื่น ทดแทนของรัสเซียได้แบบกะทันหัน โดยเฉพาะอาวุธหนัก ซึ่งอินเดียต้องพึ่งพารัสเซีย​ ฮาร์ดแวร์ทางทหาร สูงถึง 60% แม้จะลดลงอย่างมาก ในระยะ 10 ปีล่าสุด

อินเดียตกลงซื้อระบบขีปนาวุธ เอส-400 ของรัสเซีย จำนวน 5 ชุด รวมมูลค่า 5,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 182,620 ล้านบาท) ลงนามกันเมื่อปี 2561 โดยรัสเซียเริ่มส่งมอบระบบให้อินเดีย ตั้งแต่เดือน​ ธ.ค.ปีที่แล้ว และ เอส-400 ชุดแรกจะเริ่มใช้งานได้ ในเดือน เม.ย. 2565

อีลี่ แรตเนอร์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเชีย-แปซิฟิก เผยต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ สภาคองเกรสสหรัฐ เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า อินเดียกำลังมองหาแหล่งใหม่จัดซื้ออาวุธเข้ากองทัพ เพื่อลดการพึ่งพาอาวุธรัสเซีย นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับสหรัฐและพันธมิตร แต่การเปลี่ยนแปลงของอินเดียต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง

ส่วนนางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร เผยเมื่อสัปดาห์ก่อนเช่นกันว่า ลอนดอนควรสานต่อความสัมพันธ์ใกล้ชิด ทั้งด้านเศรษฐกิจและกลาโหม กับอินเดีย เพื่อช่วยอินเดียลดการพึ่งพารัสเซีย โดยจากข้อมูลของทางการ นับตั้งแต่ปี 2554 อินเดียลดการนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์จากรัสเซียถึง 53%.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES