ยังไม่ทันถึงวันเปิดสภา 22 พ.ค. 65 พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงยังไม่ได้ยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลย! แต่สภาพยามนี้ของรัฐบาลผสมเกือบ 20 พรรคการเมืองเข้าขั้นวิบัติ!

วิบัติเพราะนัดกินข้าวกันไม่จบไม่สิ้น! ต้องนัดกินข้าว 2 รอบ เพื่อเอาชนะคะคาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส. พะเยา ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ควรลาออก หรือรีบยุบสภาไปเถอะ ถ้ายังต้องหมุน ๆ อยู่กับ “ผู้กอง” เพียงคนเดียว!

หลังจากมีบทเรียนถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวก่อน รอดตายมาได้แบบลากเลือด! จึงน่าจะประเมินสถานการณ์ออกว่า ในพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีเสถียรภาพ ยังอุตส่าห์ชวนแต่แกนนำพรรคใหญ่ไปกินข้าวที่สโมสรราชพฤกษ์

ทำแบบนี้เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ “ไม่เห็นหัวพรรคเล็ก” พรรคเล็กจึงนัดกินข้าวกับ ร.อ.ธรรมนัส บ้าง! งานนี้ทำให้เกิดอาการ “พล่าน” ต้องโทรฯ นัดพรรคเล็กมากินข้าวแก้เกี้ยวเมื่อวันที่ 17 มี.ค. 65

ทั้งที่ควรนัดกินพร้อมกันครั้งเดียวไปเลยหมดเรื่องหมดราว ไม่ต้องแบ่งแยกพรรคใหญ่ พรรคเล็ก เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ พึ่งพาเสียงของพรรคเล็กมาแล้วหลายครั้ง

แต่ก่อนกินข้าววันที่ 17 มี.ค. บรรดาพรรคเล็กได้เข้าไประบายความในใจกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา จับน้ำเสียงได้ว่า พรรคเล็กไม่พอใจนายกฯ ไม่ดูดำดูดีเขา ไม่รับฟัง ไม่ดูแลพวกเขา

แต่ระบายความในใจกันถึงขั้นไหนไม่ทราบ! ขนาด พล.อ.ประวิตร ต้องขอร้องให้ช่วยอุ้มรัฐบาลไปให้ถึงการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคเดือน พ.ย.นี้ หลังจากนั้นจะยุบสภา ให้มีการเลือกตั้งเป็นของขวัญกับประชาชนช่วงหลังปีใหม่

“พยัคฆ์น้อย” เชื่อว่าการที่ พล.อ.ประวิตร บอกกับพรรคเล็กไปแบบนั้น แกคงไม่ได้หารือ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้ก่อนล่วงหน้า แต่เพราะแกคงเหนื่อยที่จะ “แบก” รัฐบาลอีกต่อไป

เทียบเคียงกรณีอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เคยออกมาเผยเรื่องราวเกี่ยวกับ “ป้อม เกาะโต๊ะ” ตอนนี้ก็อีหรอบเดียวกันที่เจอรายการ “ตู่ เกาะโต๊ะ” ถึงมูลนิธิป่ารอยต่อฯ แถมยัง “เกาะเอว” เพื่อให้ พล.อ.ประวิตร ช่วยนั่นช่วยนี่ ทั้งที่ตัวแกเองแทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว

เรื่องราวนัดกินข้าว 2 รอบของรัฐบาลผสมเสียงปริ่มน้ำ ทำให้การเมืองแลดูวิบัติ เพราะมีอย่างที่ไหนที่นายกฯต้องไปเกาะโต๊เกาะเอวขอให้รองนายกฯ ช่วยอุ้มเสถียรภาพรัฐบาล

มีอย่างหรือที่นายกฯ ยังต้องแคร์พรรคเล็กที่มี ส.ส. 1-3 คน?

ใครกันทำให้การเมืองไทยวิบัติแบบนี้? เพราะการนัดกินข้าวที่ว่านั้น ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ท่ามกลางสารพัดปัญหารุมเร้ามากมาย ทั้งโรคระบาด ข้าวยากหมากแพง และเศรษฐกิจฝืดเคือง

แทนที่นายกฯ จะไปนั่งกินข้าวกับชาวบ้าน เพื่อสอบถามทุกข์สุขว่าราคาพืชผลการเกษตรเป็นอย่างไร ต้นทุนแพงขึ้นหรือเปล่า หรือไปคุยกับคนหาเช้ากินค่ำว่าลำบากแค่ไหน แต่กลับนัดกินข้าวแกนนำพรรคใหญ่เพื่อเช็กเสียงสนับสนุน

แต่รอบเดียวไม่จบ! เมื่อเห็นว่าเสียงสนับสนุนตัวเองอาจมีปัญหา จึงต้องยอมเสียฟอร์ม! ให้คนอื่นโทรฯ นัดพรรคเล็ก ๆ มากินข้าวกันอีกวัน เพราะหลังจาก 22 พ.ค.เป็นต้นไป พล.อ.ประยุทธ์ จะตกอยู่ในบรรยากาศ “คิลลิ่ง โซน”

ดังนั้นชั่วโมงนี้ถ้าบรรดาพรรคเล็กจะเล่นตัว หรือปั่นราคาตัวเอง โปรดอย่าว่าเขา! เพราะโอกาสมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่รีบ “ไขว่คว้า” ไว้ ก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร?

——————
พยัคฆ์น้อย