ยกให้เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่กำลังครองใจแฟน ๆ สำหรับ “ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty Five, Twenty One)” จาก “เน็ตฟลิกซ์ (Netflix)” ที่บอกเล่าถึงเส้นทางชีวิตและการเติบโตของกลุ่มวัยรุ่นที่สูญเสียความฝันให้กับวิกฤตเศรษฐกิจในปี 1998 และเรื่องราวของคนคู่หนึ่งที่พบกันครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 22 และ 18 ปี กระทั่งพวกเขาอายุ 25 และ 21 ปี ได้เริ่มตกหลุมรักและดึงดูดเข้าหากัน นอกจากนี้ยังชวนให้ย้อนนึงถึงวันวานและความทรงจำอันบริสุทธิ์ ที่เปี่ยมไปด้วยไฟฝันของกลุ่มวัยรุ่น 5 คนที่พบเจอกับความอ่อนไหวและความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันออกไป

โดยซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม จากการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งระหว่าง ควอนโดอึน นักเขียนบทเจ้าของผลงานฮิตผู้เล่าเรื่องได้อย่างมีไหวพริบ ผู้เคยมอบความรู้สึกร่วมสุดลึกซึ้งให้แก่ผู้ชมมาก่อนในผลงานเรื่อง “เสิร์ชรัก ตามหัวใจ (Search: WWW)” กับผู้กำกับ จองจีฮยอน ที่เคยอำนวยการผลิตซีรีส์ที่อยู่ในความสนใจของผู้ชมจำนวนมาก ทั้ง “เสิร์ชรัก ตามหัวใจ (Search: WWW)”, “จอมราชัน บัลลังก์อมตะ (The King: Eternal Monarch)” และ “เธอคือรักที่ผลิบาน (You Are My Spring)” นอกจากนี้ยังได้นักแสดงนำระดับแนวหน้า อย่าง คิมแทรี, นัมจูฮยอก, คิมจียอน (โบนา), ชเวฮยอนอุค และ อีจูมยอง มาร่วมถ่ายเรื่องราวที่อบอุ่น เรียบง่าย แต่สวยงามนี้ ที่จะทำให้แฟน ๆ ได้เห็นความฝันของเหล่าวัยรุ่น ผ่านประเด็นของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มิตรภาพ และรักแรก ที่ไม่เพียงแสดงให้เห็นอารมณ์ความรู้สึกที่สดใหม่ของวัยรุ่น แต่ยังกล่าวถึงเรื่องราวว่า พวกเขาเอาชนะความยากลำบากและความผิดหวังต่างๆ มาด้วยกันได้อย่างไรอีกด้วย

สำหรับ คิมแทรี รับบทเป็น “นาฮีโด” นักกีฬาฟันดาบระดับมัธยมปลายผู้ยังคงมีความมุ่งมั่นและความฝัน แม้ว่าทีมฟันดาบของเธอจะถูกยุบหลังจากเกิดวิกฤติ IMF (วิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในเกาหลีใต้เมื่อช่วงปลายทศวรรศที่ 1990) นาฮีโดไล่ตามความฝันอย่างเปี่ยมด้วยพลังและความมุ่งมั่น เธอไม่ยอมแพ้แม้ต้องเผชิญความลำบากมากมาย คิมแทรีได้ชื่อว่าเป็น “นักแสดงที่ไม่มีใครมาแทนได้” จากการแสดงอันทรงเสน่ห์ของเธอ ที่เผยเสน่ห์น่าหลงใหลของหญิงนักสู้ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นตัวละครที่เป็นมิตรและสดใสมีชีวิตชีวา เธอจะทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความเห็นอกเห็นใจอันแสนอบอุ่น รวมทั้งความประทับใจอันแสนเจ็บปวด

นัมจูฮยอก รับบทเป็น “แพคอีจิน” ที่ครอบครัวของเขาประสบปัญหาอย่างหนักหลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติ IMF เขาต้องแบกความรับผิดชอบต่อครอบครัวเนื่องจากเป็นลูกชายคนโต และได้กลายมาเป็นนักข่าวในที่สุด นัมจูฮยอก ซึ่งฝากผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมจากหลายบทบาทมาแล้วในภาพยนตร์และซีรีส์แทบทุกประเภท จะสร้างความประทับใจให้ผู้ชมกับบทบาทใหม่นี้ของเขาอย่างแน่นอน

คิมจียอน (โบนา) รับบทเป็น “โกยูริม” สมาชิกทีมชาติกีฬาฟันดาบ เธอเผยเสน่ห์น่าประทับใจทุกครั้งที่ลงเล่นฟันดาบ แต่เบื้องหลังชุดเครื่องแบบกีฬานั้น เธอก็คือเด็กหญิงวัยรุ่นที่น่ารักคนหนึ่ง คิมจียอน (โบนา) ซึ่งเคยมีผลงานมาแล้วหลากหลายประเภท จะมาในบทบาทของนักกีฬาฟันดาบโกยูริมในซีรีส์เรื่องนี้

ชเวฮยอนฮุค รับบทเป็น “มุนจีอุง” คนดังที่อยากเป็นดาวเด่นบน Cyworld (โซเชียลมีเดียยอดฮิตของเกาหลีในเวลานั้น) ตัวละครมุนจีอุง เป็นวัยรุ่นสายติสต์ที่มีสไตล์และเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของชเวฮยอนอุค หลังจากได้รับรางวัล Super Rookie จากบทบาทก่อนหน้านี้ของเขาในซีรีส์เรื่อง แท็กซี่ชำระแค้น (Taxi Driver) และ แร็กเกต บอยส์ (Racket Boy)

อีจูมยอง รับบทเป็น “จีซึงวาน” นักเรียนดีเด่นแต่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณขบถ จีซึงวานเป็นสมาชิกของทีมผู้จัดวิทยุเสียงตามสายของโรงเรียนมัธยมปลาย ที่จะมาแบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวันของนักเรียนในโรงเรียน อีจูมยอง ผู้เคยแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมมาแล้วในหลายบทบาท ตั้งแต่ตัวละครที่เปี่ยมศรัทธา ร่าเริง ไปจนถึงตัวละครสุดเท่ คราวนี้รับรองว่าเธอจะมาครองใจผู้ชมได้อีกอย่างแน่นอน

วันนี้ “ฮาอึน” จึงไม่พลาดพาแฟน ๆ มาพูดคุยกับทีมผู้กำกับและเหล่านักแสดงนำถึงการถ่ายทำซีรีส์และประสบการณ์ต่างในการเตรียมตัวรับทบาทครั้งนี้มาฝากกัน

Q : ช่วยแนะนำซีรีส์ “ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty Five, Twenty One)” ให้ฟังคร่าว ๆ หน่อย?

ผู้กำกับจองจีฮยอน : สำหรับ ‘ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด’ เล่าเรื่องราวของ นาฮีโด, แพคอีจิน, โกยูริม, มุนจีอุง และจีซึงวาน หนุ่มสาวทั้งห้าคนที่สูญเสียความฝันของพวกเขาไปในช่วงปี 1998 ที่เกิดวิกฤติ IMF เป็นซีรีส์วัยรุ่นที่คุณจะได้สัมผัสอารมณ์ครบรส ทั้งความสดใส ความงดงาม และความโศกเศร้า ผ่านเรื่องราวของตัวละครทั้งห้าครับ

Q : แนะนำบทบาทตัวละครที่ได้รับ ให้ฟังหน่อย?

คิมแทรี : ฉันรับบทเป็น ‘นาฮีโด’ ที่พลังเหลือล้นและไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้ค่ะ

นัมจูฮยอก : ผมรับบทเป็น ‘แพคอีจิน’ ครับ

โบนา : ฉันรับบทเป็น ‘โกยูริม’ นักกีฬาเหรียญทองจากกีฬาฟันดาบค่ะ

ชเวฮยอนอุค :  ผมรับบทเป็น ‘มุนจีอุง’ เด็กหนุ่มที่ฝันอยากจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ในช่วงปี 1998 ครับ

อีจูมยอง :  ฉันรับบทเป็น ‘จีซึงวาน’  ค่ะ

 Q : ซีรีส์เกี่ยวกับวัยหนุ่มสาวที่ได้ “นัมจูฮยอก” และ “คิมแทรี” มาแสดงนำมีจุดเด่นอย่างไร และมีข้อแตกต่างจากซีรีส์แนวคล้ายๆ กันเรื่องอื่นอย่างไรบ้าง?

ผู้กำกับจองจีฮยอน:  แค่ได้ยินชื่อนัมจูฮยอกกับคิมแทรี ผมว่านั่นก็บ่งบอกถึงจุดเด่นของเราแล้วครับ นักแสดงทั้งสองคนเตรียมตัวอ่านและวิเคราะห์บทมาอย่างดี ทำให้การถ่ายทอดอารมณ์ของพวกเขาออกมาดีมากครับ ซีรีส์ของเราเล่าถึงเรื่องราวในปี 1998 ซึ่งตอนนั้นตัวผมเองอยู่ในวัยมัธยม ถึงผมจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับสมัยนั้นด้วยตัวเอง แต่ทางนักแสดงเตรียมตัวกันพร้อมมาก ในทางกลับกันผมจึงได้ไอเดียใหม่ๆ จากพวกเขา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการถ่ายทำมากครับ ในส่วนของความแตกต่างระหว่าง ‘ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด’ และผลงานแนวเดียวกันเรื่องอื่น ผมขอยกคำพูดของผู้เขียนบทที่กล่าวว่า เรื่องนี้เล่าถึงคนหนุ่มสาวในวัยที่กำลังเติบโต ซึ่งต้องเผชิญกับวิกฤติที่เกิดขึ้นในยุคนั้น มีทั้งเรื่องส่วนตัวที่ตัวละครแต่ละคนต้องเผชิญ และภาพรวมของเหตุการณ์ที่เกิดเฉพาะยุคสมัย การเชื่อมโยงเหตุการณ์เฉพาะยุคสมัยเข้ากับการเติบโตของวัยรุ่นน่าจะทำให้เนื้อเรื่องมีน้ำหนักมากขึ้น และเป็นจุดที่ทำให้ซีรีส์ของเราแตกต่างจากเรื่องอื่นครับ

Q :  คุณ “คิมแทรี” ห่างหายจากวงการซีรีส์เป็นเวลากว่าสามปีครึ่ง อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้ คุณคิดว่าเสน่ห์ของซีรีส์เรื่องนี้คืออะไร และรู้สึกอย่างไรที่ได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับจองจีฮยอนอีกครั้งหลังจากเรื่อง “สุภาพบุรุษตะวันฉาย (Mr. Sunshine)”?

คิมแทรี : เหตุผลแรกที่ทำให้ตัดสินใจเล่นเรื่องนี้เพราะบทสนุกค่ะ ช่วงนี้มีผลงานแนวนี้มีมากมาย แต่เรื่องนี้มีทั้งความสนุก ความสวยงาม ความตื่นเต้น ยิ่งอ่านบทไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งอารมณ์ดีและมีความสุขค่ะ อีกอย่างคือ นาฮีโดเป็นตัวละครที่สดใส มีพลังเหลือล้น เป็นตัวละครที่สดใหม่ซึ่งฉันไม่เคยเล่นมาก่อนเลย ยิ่งทำให้ฉันหลงใหลค่ะ ฉันมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับผู้กำกับตอนที่ได้ร่วมงานกันใน สุภาพบุรุษตะวันฉาย (Mr. Sunshine) ไม่แน่ใจว่าผู้กำกับจะรู้สึกแบบเดียวกันไหมนะคะ (หัวเราะ) แต่ดีใจมากค่ะที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดเกี่ยวกับตัวเขาคือ ในช่วงแรกที่เริ่มถ่ายทำ ผู้กำกับพูดกับฉันว่า “ฮีโด ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี” เขาพูดกับฉันตรงๆ แบบนี้เลยค่ะ ความตรงไปตรงมาของเขาทำให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น ฉันว่ามันดีมากเลยที่เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและช่วยหาทางออกไปพร้อมกันค่ะ

Q :  คุณคิดว่าเสน่ห์ที่โด่ดเด่นของ “นาฮีโด” คืออะไร และตัวจริงของคุณมีส่วนคล้ายกับ “นาฮีโด” หรือไม่?

คิมแทรี: เสน่ห์ของฮีโดมีเยอะมากค่ะ ที่โดดเด่นคือความแน่วแน่ค่ะ เธอแน่วแน่ต่อสิ่งที่ตัวเองชอบ และเธอก็มั่นใจในความสามารถของตัวเอง เวลามีความสุขก็สุขล้น เวลาเศร้าก็จมอยู่แต่กับความโศกเศร้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็จริงใจและเต็มที่ ฉันคิดว่าจุดนั้นน่าจะใกล้เคียงกับตัวจริงของฉันค่ะ

Q : ในซีรีส์เรื่องนี้ ผู้ชมจะได้เห็นด้านใหม่ๆ ของคุณที่แตกต่างจากเรื่องอื่นอย่างไรบ้าง?

นัมจูฮยอก : ผมไม่ได้คิดว่าควรจะแสดงภาพลักษณ์ใหม่ที่ต่างไปจากเรื่องอื่นๆ แต่ผมให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดตัวละครแพคอีจิน ให้ผู้ชมได้เห็นหลายๆ มุมของเขามากกว่าครับ ผมโฟกัสว่าควรทำอย่างไรถึงจะสามารถแสดงให้เห็นอีกหลายร้อยด้านของตัวละคร ไม่ใช่แค่ด้านใดเพียงด้านเดียวครับ

Q : การรับบท “แพคอีจิน” ที่ต้องเผชิญความยากลำบากเพื่อช่วยครอบครัวที่ประสบวิกฤติ IMF ในปี 1998 คุณมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

นัมจูฮยอก : ผมยึดบทละครเป็นหลักมากกว่าครับ ถึงผมไม่เคยเผชิญกับวิกฤตินั้นด้วยตัวของผมเอง แต่ผมพยายามลองจินตนาการว่ามันน่าจะเป็นประมาณนี้นะ นอกเหนือจากนั้นก็มีหาข้อมูลและคลิปวิดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์ในสมัยนั้น หลังจากเตรียมตัวทำการบ้านแล้ว ที่กองถ่ายผมก็แสดงไปตามสไตล์ของผมครับ (หัวเราะ) ซึ่งผู้กำกับเองก็พึงพอใจมากครับ

Q :  ถ้าให้นิยามเคมีระหว่างพวกคุณทั้งสองคนเป็นหนึ่งคำหรือประโยค คุณจะนิยามว่าอย่างไร?

คิมแทรี : ‘ไร้เดียงสา’ ค่ะ เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นอะไรบางอย่างซึ่งยังไม่คุ้นชินค่ะ

นัมจูฮยอก : ‘วัยรุ่น’  น่าจะนิยามได้ครบถ้วนครับ หรือไม่ก็ ‘สดใส’ ครับ

 Q : สิ่งที่คุณให้ความสำคัญในการแสดงบท “โกยูริม” นักกีฬาฟันดาบเจ้าของเหรียญทองคืออะไร?

โบนา : สำหรับยูริมกีฬาฟันดาบเป็นสิ่งสำคัญมาก ฉันเลยต้องฝึกซ้อมฟันดาบตั้งเริ่มการถ่ายทำค่ะ ยูริมเป็นตัวละครที่มีหลายมุม เธอจะแสดงให้เห็นมุมที่แตกต่างกันออกไปตามบุคคลที่เธอพบเจอ ซึ่งฉันค่อนข้างกังวลตรงจุดนั้นมากในช่วงแรก แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้กำกับและพี่ๆ นักแสดงก็ช่วยให้โฟกัสได้ดีขึ้นค่ะ

Q :  ช่วยเล่าถึงตัวละคร “มุนจีอุง” ที่วาดฝันอยากจะเป็นดาวเด่นในยุค 1998 หน่อย?

ชเวฮยอนอุค : ผมเกิดหลังปี 1998 เลยไม่รู้เกี่ยวกับยุคนั้นมาก ผมศึกษาหาข้อมูลว่าสมัยนั้นเขาฮิตอะไรกัน เทรนด์แฟชั่น เครื่องประดับเป็นอย่างไร แต่อันที่จริงแล้วแฟชั่นเป็นเรื่องของความมั่นใจ ผมจึงพยายามเสริมความมั่นใจมากขึ้นครับ

Q : ครั้งแรกที่คุณได้อ่านบท “จีซึงวาน” รู้สึกอย่างไรบ้าง คุณคิดว่าเสน่ห์ของตัวละครนี้คืออะไร และเตรียมตัวอย่างไรสำหรับการแสดงบทดังกล่าว?

อีจูมยอง : ตอนแรกที่อ่านบท ฉันคิดว่าซึงวานเป็นคนแข็งทื่อ แต่พออ่านไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกว่าเธอเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองมากกว่าใครทั้งหมด และนั่นเป็นเสน่ห์ที่โดดเด่นที่สุดของเธอค่ะ สำหรับการเตรียมตัวรับบทดีเจวิทยุ ฉันฟังเทปรายการวิทยุสมัยก่อน ถึงจะไม่มีคลิปวิดีโอให้ดู แต่มีเทปบันทึกเสียงเก็บไว้อยู่ค่ะ

Q : เหตุผลในการแคสติ้งทีมนักแสดงทั้ง 5 คนนี้คืออะไร?

ผู้กำกับจองจีฮยอน : เริ่มจากคิมแทรีและนัมจูฮยอก ผมคิดว่าไม่มีผู้กำกับหรือนักเขียนคนไหนที่จะปฏิเสธพวกเขา เหตุผลแค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ (หัวเราะ) ส่วนตัวละคร โกยูริม จีซึงวาน และมุนจีอุง เราคัดเลือกนักแสดงผ่านการออดิชั่น เหตุผลที่เลือกพวกเขาไม่มีอะไรมากเลยครับ ตอนออดิชั่นผมกับผู้เขียนบทอยู่ด้วยกันครับ ตอนที่ทั้งสามคนมาออดิชั่น ผมกับนักเขียนสบตากัน และรู้ว่าต้องเลือกพวกเขาครับ ผมว่าทั้งสามคนช่วยเติมสีสันและสร้างเคมีร่วมกับนัมจูฮยอกและคิมแทรีด้วยครับ นอกจากนัมจูฮยอกและคิมแทรีแล้ว ฝากติดตามนักแสดงอีกสามคนด้วยนะครับ

Q : ช่วยเล่าถึงเคมีระหว่าง “นัมจูฮยอก” และ “คิมแทรี” หน่อย?

ผู้กำกับจองจีฮยอน : ไม่รู้จะสรรหาคำไหนนอกจากคำว่าดีมากครับ ไม่ว่าจะฉากเฮฮา ดราม่า หรือฉากโรแมนติก ทุกรายละเอียดที่สองคนนี้ร่วมกันถ่ายทอดนั้นสง่าและงดงามมากครับ

 Q :  เล่าถึงความรู้สึกและประสบการณ์ในการเล่นกีฬาฟันดาบหน่อย?

คิมแทรี : ฉันเริ่มฝีกซ้อมตั้งแต่ก่อนเริ่มถ่ายทำประมาณ 5-6 เดือน โดยมีนักกีฬาเจ้าของเหรียญทองมาช่วยโค้ชให้ ความรู้สึกหลังจากได้ลองคือ มีกีฬาที่สุดมันและทำให้คนทุกข์ไปพร้อมๆ กันแบบนี้ด้วย! ฉันเองก็เหมือนนาฮีโดที่เต็มที่กับทุกอย่าง ฉันทั้งร้องไห้และหัวเราะตลอดเวลา 5 เดือน ที่เรียนฟันดาบค่ะ ฉันฝึกกับโค้ชคนเดียวกับโบนา เราเลยมีโอกาสได้แข่งกันด้วย แต่ฉันแพ้ตลอดเลยค่ะ ฉันเจ็บใจมากและคิดหาทางจะเอาชนะให้ได้ ระหว่างฝึกซ้อมฉันเขียนบันทึกลงสมุดทุกวันเหมือนฮีโด และบันทึกเล่มนั้นก็ถูกนำไปใช้เป็นไดอารี่ของนาฮีโดในซีรีส์ด้วยค่ะ

Q : ในการแสดงเป็นผู้สื่อข่าว คุณมีการเตรียมตัวหรือศึกษายังไงบ้าง?

นัมจูฮยอก : ผมไปพบกับผู้สื่อข่าวกีฬาตัวจริง ศึกษาแนวทางการทำงานของพวกเขา และสังเกตว่าตอนรายงานข่าวกีฬา ว่าควรให้ความสำคัญจุดไหนเป็นพิเศษบ้างครับ

 Q :  ในเรื่องคุณต้องทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาเลี้ยงชีพ ช่วงวัยเรียนคุณเคยมีประสบการณ์ทำงานพาร์ทไทม์บ้างมั้ย?

นัมจูฮยอก : ผมเคยทำงานพาร์ทไทม์มาก่อนและมันก็ช่วยในการแสดงได้ดี อย่างเช่น ฉากขี่จักรยานแจกหนังสือพิมพ์ครับ ถึงงานที่ผมเคยทำอาจจะไม่เหมือนในเรื่องทั้งหมด แต่ก็มีส่วนช่วยได้มากครับ

Q :  คุณมีการเตรียมตัวด้านรูปลักษณ์ภายนอกอย่างไร สำหรับการแสดงเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย?

คิมแทรี :  ตัดผมหน้ามาแล้วก็ขยันบำรุงผิวค่ะ (หัวเราะ) ส่วนพวกเสื้อผ้าก็ศึกษาจากนิตยสารเก่าๆ ค่ะ

Q :  ฝากถึงแฟนๆ หน่อย?

ผู้กำกับจองจีฮยอน : ทั้งใจความสำคัญของเรื่องและตัวบทละครมีความชัดเจน และมีบทพูดกินใจมากมาย นักแสดงทั้งห้าคนรวมถึงนักแสดงท่านอื่นทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ หวังว่าทุกคนจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและช่วยให้ย้อนนึกถึงความทรงจำร่วมกับเพื่อนๆ และหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นกำลังใจให้กับหลายๆ คนครับ

คิมแทรี : สิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่อาจย้อนกลับมาได้ และไม่มีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดกาล แต่ซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้คุณสัมผัสได้ว่าทุกๆ ช่วงเวลาในความทรงจำนั้นยังคงเจิดจรัสอยู่เสมอค่ะ

นัมจูฮยอก : หวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้ทุกคนอบอุ่นในฤดูหนาวนี้ และนำพาความสดชื่นมาพร้อมกับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึงครับ

โบนา :  ฉันหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นความทรงจำดีๆ ของผู้ชมทุกท่านนะคะ

ชเวฮยอนอุค : ฝากติดตามด้วยครับ

อีจูมยอง : ฝากติดตามเคมีของพวกเราด้วยค่ะ

มาร่วมเติมรอยยิ้มไปกับเรื่องราวการเติบโต มิตรภาพและรักแรก พร้อมเอาใจช่วยให้พวกเขา ให้เอาชนะทุกอุปสรรค พร้อมซึ้งใจไปกับบทที่สวยงาม ได้ใน “ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด (Twenty Five, Twenty One)” ทาง “เน็ตฟลิกซ์”  

ฮาอึน / ภาพ : Netflix, TVN