ไม่ผิดนัก ถ้าหากบอกว่า เชลซี ก็คือ เสี่ยหมี ถ้าหากไม่มีผู้ชายชื่อ โรมัน อบราโมวิช เชลซี ก็คงไม่มีวันนี้

ถึงแม้ฟุตบอลจะไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน แต่เงินคือปัจจัยที่สำคัญที่สุด

สาเหตุที่ เชลซี มาได้ไกล ถึงขั้นคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือแชมป์สโมสรโลก ก็เป็นเพราะเม็ดเงินของเสี่ยหมีเป็นหลัก

เมื่อ โรมัน อบราโมวิช มีปัญหา เชลซี ถึงหลีกเลี่ยงปัญหาไม่ได้

อบราโมวิช คือหนึ่งในกลุ่มมหาเศรษฐีรัสเซีย ที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ วลาดิเมียร์ ปูติน

เสี่ยหมี รวยได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะ ปูติน

ปูติน มีอำนาจได้ ส่วนสำคัญ ก็เพราะเหล่ามหาเศรษฐีเหล่านี้

ซึ่งหนึ่งในนั้นชื่อ โรมัน อบราโมวิช

มันคือความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันตัดกันขาด เพราะต่างคนต่างได้ผลประโยชน์ เป็นท่อน้ำเลี้ยงของกันและกัน รับเละ และร่ำรวยไปด้วยกัน

วิธีการใช้เงินที่ได้จากผลประโยชน์เหล่านี้ของเหล่าเศรษฐีรัสเซียก็คือเอาไปลงทุนในต่างประเทศ

ทั้งการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อกองทุน ซื้อพันธบัตร ซื้อเรือยอชท์ และอีกมากมายที่จะนึกได้

เป้าหมายก็คือการนำเงินจากรัสเซียไปแปลงเป็นเงินสกุลต่างๆ และฝากเอาไว้ในที่ปลอดภัย

เชลซี ก็ไม่ต่างจากทรัพย์สินเหล่านั้น

เมื่อ รัสเซีย เปิดฉากโจมตี ยูเครน พี่ใหญ่อย่างอเมริกา จึงอยู่ไม่ได้ และขอร้อง (สั่งการ) ให้เหล่าพันธมิตร ช่วยกันทำทุกวิธีเพื่อตัดแขนตัดขา และตัดท่อน้ำเลี้ยงรัสเซีย

สงครามต้องใช้เงิน ไม่มีเงิน คุณก็แพ้ อเมริกา และยุโรป ต้องทำทุกอย่างเพื่อทำให้ รัสเซีย ไม่มีเงิน

ไม่ใช่แค่ เชลซี ที่ถูกอายัด พันธบัตร และทรัพย์สินอีกมากมาย ที่เหล่าเศรษฐีรัสเซียซื้อเก็บไว้ ก็ถูกแช่แข็งเช่นกัน

แม้กระทั่งเงินทุนสำรองของประเทศรัสเซีย ที่มีมหาศาลมากกว่าประเทศไทย 20 เท่า ก็ยังเอาออกมาใช้อะไรไม่ได้ในตอนนี้

แน่นอน ประเทศอื่นๆไม่มีสิทธิยึดทรัพย์สินของรัสเซีย แต่เพียงแค่การสั่งห้ามดำเนินการใดๆกับทรัพย์สินเหล่านี้ รัสเซีย ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

เพราะทรัพย์สินของพวกเขาอยู่ในประเทศเหล่านั้น และรัฐบาลของประเทศเหล่านี้ก็จะทำยังไงกับทรัพย์สินนี้ก็ได้

การที่ เชลซี โดนรัฐบาลอังกฤษ ตัดแขน ตัดขา ห้ามทำโน่น ห้ามทำนี่ จึงไม่ใช่เรื่อง “กีฬา” แต่เป็น “การเมือง” ล้วนๆ

เชลซี ก็แค่เบี้ยตัวหนึ่งในกระดานหมากของสงครามระหว่างรัสเซีย กับ ยูเครน (อเมริกาและยุโรป)

ถูกต้อง มันรุนแรง โหดร้าย และเกินไป (ไม่) หน่อย แต่ในสภาวะสงคราม คุณจะต้องเหี้ยม และเด็ดขาด การใจอ่อน หรือ ความผิดพลาดเพียงนิดเดียว อาจทำให้แพ้

และความจริงก็คือ ไม่ใช่แค่ เชลซี เท่านั้น ธุรกิจของมหาเศรษฐีรัสเซียทั้งหลาย ที่มีอยู่ทั่วโลก ก็ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากไม่แตกต่างกันในเวลานี้

ถามว่า เชลซี จะเป็นยังไงต่อไป ?

ตอบได้สั้นๆคำเดียวว่า “หนัก”

หนักในที่นี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้า อย่างเรื่องโดนห้ามทำธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดด้วย

เพราะไม่ว่าจะเป็นการห้ามขายตั๋ว ห้ามซื้อขายนักเตะ ห้ามต่อสัญญาผู้เล่น การโดนตัดแต้ม การโดนถอนสปอนเซอร์ หรือแม้แต่การขายสโมสร

ไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน ปัญหาเหล่านี้ต้องจบลงสักวัน

แต่การดำเนินการต่อไปในอนาคตของ เชลซี ต่างหาก ที่เป็นคำถามสำคัญกว่า

นั่นเพราะ เชลซี จะไม่มี “เงินฟรี” ที่ใช้ได้โดยไม่ต้องคิด และไม่มีจำกัดจากเสี่ยหมีอีกแล้ว

ไม่ว่าเจ้าของใหม่คนไหนเข้ามา พวกเขาก็ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือ ที่ได้มาง่ายๆเหมือนเสี่ยหมี

ทุกคนรวยจริง แต่ทุกคนคือนักธุรกิจ ทุกคนย่อมหวังผลกำไร

ธุรกิจฟุตบอลในปัจจุบัน ดุเดือดแค่ไหน โอกาสกอบโกยผลกำไร มากน้อยแค่ไหน ก็รู้กันอยู่

พูดให้ง่ายที่สุดก็คือ เชลซี จะกลับมาเป็นทีมฟุตบอลธรรมดาเหมือนทีมอื่น ไม่ได้มีไม้กายสิทธิ์ที่เสกอะไรก็ได้จาก อบราโมวิช เหมือนเดิมอีกต่อไป

แต่นั่น ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะล้มเหลว

เจ้าของทีมดีๆ ที่มีวิสัยทัศน์ เข้ามาสร้างสโมสรฟุตบอลธรรมดาให้ยิ่งใหญ่มีให้เห็นมาแล้วนักต่อนัก

และใครที่เข้ามาลงทุนกับ เชลซี ในนาทีนี้ ย่อมบอกได้เลยว่า ไม่ธรรมดา

อีกอย่าง อย่าลืมว่า ตอนนี้ เสี่ยหมี ได้ปั้น เชลซี จนกลายเป็น “มหาอำนาจ” สำเร็จเรียบร้อยแล้ว

ปลาใหญ่ ยังไงก็ได้เปรียบ ปลาเล็ก วันยังค่ำ เชลซี จะขยับทำอะไร จึงไม่ใช่เรื่องยากเหมือนทีมเล็ก

เชลซี จึงจะไม่ล้มง่ายๆอย่างที่กลัวกัน

แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เอาตัวให้รอดในช่วงวิกฤตินี้ไปก่อนให้ได้ก็แล้วกัน

เพราะ เชลซี จะไม่มีเงินจากเสี่ยหมีมาใช้จ่ายอีกต่อไป และต้องนำรายได้จากการทำธุรกิจฟุตบอลของสโมสรเท่านั้น มาหมุนเวียน ในการทำทีม

นั่นถือเป็นงานยากมาก เพราะนักการเงินวิเคราะห์ตัวเลขรายรับรายจ่ายของเชลซีกันแล้ว

ปรากฏว่าเงินที่ได้จากการทำธุรกิจฟุตบอลของสโมสรจริงๆนั้น เทียบไม่ได้เลยกับค่าใช้จ่ายต่างๆที่ต้องใช้ในแต่ละเดือน

นี่จึงอาจเป็นบทเรียนสำคัญของเหล่าแฟนบอลที่เรียกร้องหนักหนาว่าอยากจะได้เจ้าของรวยๆมาซื้อทีม

เพราะมันก็เหมือนเอาอนาคตสโมสรไปฝากไว้กับคนๆเดียว คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเขาจะเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ และจะเกิดอะไรขึ้นกับเงินของพวกเขาบ้าง

ฟุตบอล จึงควรอยู่ได้ด้วย ฟุตบอล ไม่ใช่การเมือง

เมื่อฟุตบอลเอาตัวไปเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือ การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับฟุตบอล

จุดจบมักไม่สวยงามเสมอ ?