โฉมใหม่เดิน-วิ่งโอลิมปิกเดย์มุ่งสู่“กีฬาสีเขียว”

กระแสรักษ์โลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เกิดขึ้นกับวงการกีฬาไทยทันที หลัง“ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันในที่ประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า “ผมมาร่วมประชุมวันนี้เพื่อเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไทยพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศ และทุกภาคส่วนเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันในการแก้ปัญหาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของโลก เพราะภารกิจนี้คือความเป็นความตายของโลกและอนาคตของลูกหลานของพวกเราทุกคน”

นโยบายของ “ลุงตู่” ส่งตรงมาถึงทุกภาคส่วน ซึ่งวงการกีฬาของไทย ก็ขนารับทันที เริ่มตั้งแต่การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 “ศรีสะเกษเกมส์“ และการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติครั้งที่ 37 “นครลำดวนเกมส์” ที่กำลังแข่งขันกันอยู่ในตอนนี้ ซึ่ง “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำหนดเป็นนโยบายให้การแข่งขันทุกรายการภายใต้การกำกับดูแลและสนับสนุนของ กกท. จะต้องเป็น “กีฬาสีขาว” ลดสภาวะโลกร้อนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ทางด้าน คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ก็ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเช่นกัน โดยในการประชุมใหญ่ครั้งล่าสุด ที่มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประมุขแห่งบ้านอัมพวัน เป็นประธาน นั้น “บิ๊กบางจาก” นายพิชัย ชุณหวชิร รองประธาน คณะกรรมการโอลิมปิคฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายกีฬาเพื่อมวลชนและสิ่งแวดล้อม ได้นำเสนอแผนงานและขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวการลงนามความร่วมมือกรอบการทำงานด้านกีฬาเพื่อการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UN Sport Climate Action Ftamework) ซึ่งคณะทำงานของโอลิมปิคไทย ได้ร่วมมือกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี)

ประเด็นที่น่าสนใจนอกจากเรื่องของหลักการทางวิชาการเกี่ยวกับความร่วมมือกรอบการทำงานด้านกีฬาเพื่อการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้วนั้น ในส่วนของภาคปฏิบัติที่ นายพิชัย ชุณหวชิร พร้อมคณะอนุกรรมการชุดนี้ ได้เดินหน้าทำงานแล้วก็คือการจัดกิจกรรมกีฬาที่เป็น “กีฬาสีเขียว“ หรือ Green Sport

โดยมีโครงการแรกอยู่ที่การจัดกิจกรรมเดิน–วิ่ง โอลิมปิกเดย์ 2022 (Olympic Day) ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งนายพิชัย ในฐานะที่เป็นหัวเรือใหญ่ จัดกิจกรรมนี้มาแล้วหลายปี กล่าวว่า ปีนี้กิจกรรมเดิน-วิ่ง โอลิมปิกเดย์ 2022 จะจัดขึ้น 3 จังหวัด ประกอบด้วย ครั้งแรก วันที่ 30 เม.ย. ที่ลานวัฒนธรรม หน้าวัดลำดวน จ.หนองคาย ส่วนครั้งที่ 2 วันที่ 28 พ.ค. ที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพะเยา (สวนสมเด็จย่า 90) จ.พะเยา และครั้งที่ 3 วันที่ 26 มิ.ย. ที่หาดดงตาล เมืองพัทยา จ.ชลบุรี

“การจัดกิจกรรมโอลิมปิกเดย์ 2022 นอกจากจะมีการเดิน-วิ่ง ระยะ 5 กม. และ 10 กม. ซึ่งเป็นหัวใจหลักของงานแล้ว ยังจะมีกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมกีฬาโอลิมปิก, กิจกรรมกีฬาสาธิต, กิจกรรมสันทนาการ (มินิคอนเสิร์ต) และที่จะขาดไม่ได้ก็คือกิจกรรมกีฬาเพื่อสิ่งแวดล้อม (Sport Climate Action)” รองประธานโอลิมปิคไทย กล่าว

นายพิชัย ขยายความต่อว่า กิจกรรมเดิน–วิ่ง โอลิมปิกเดย์ 2022 ทั้ง 3 ครั้ง ที่จะเกิดขึ้นนั้นจะมีการนำขวดพลาสติก PET กว่า 200,000 ขวด มารีไซเคิล เพื่อทำเป็นเสื้อแจกให้กับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งจะมีการพกขวดน้ำขณะวิ่ง และการร่วมกันเก็บขยะระหว่างวิ่งด้วย ขณะที่ ด้านวิชาการจะมีการให้ความรู้เพื่อกระตุ้นเยาวชน สร้างความเข้าใจผ่านกิจกรรมกีฬาและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้กิจกรรมเป็นกีฬาสีเขียวอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมกีฬายูธโอลิมปิก เสริมเข้าไปอีกด้วย มีเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้ของภาคประชาชน ในการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนในวงกว้างของไทย ต่อการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ (YOG) ในปี 2030 โดยนำกีฬา Urban Sport หรือการเล่นกีฬาในพื้นที่สาธารณะที่เยาวชนเข้าถึงได้ง่ายลงใน YOG มาเป็นมหกรรมกีฬาภายในการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง โอลิมปิกเดย์ 2022 ซึ่งภายในงานจะมีการโชว์และสาธิตกีฬาต่างๆ รวมถึงจัดการแข่งขัน เพื่อให้ผู้ที่มีความสนใจในกีฬาสาธิตได้รับความรู้และได้ทดลองเล่นกีฬาต่างๆ

ซึ่งกีฬาที่จะจัดขึ้นครั้งนี้มีทั้งหมด 7 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย เบรกกิ้ง, สเก็ตบอร์ด, บาสกเกตบอล 3×3, มวย, วอลเลย์บอลชายหาด, ฟุตบอลชายหาด และเรือใบ

นับได้ว่าการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง โอลิมปิกเดย์ ในปีนี้มีความแปลกใหม่และเป็นมิติใหม่ของการจัดงานเลยทีเดียว เพราะนอกจากเป้าหมายในการส่งเสริมให้ประชาชนมาร่วมกันออกกำลังกายด้วยการเดินและวิ่ง เสริมด้วยกิจกรรมด้านวิชาการต่างๆ ผนวกกับการที่เยาวชนจะได้ลงแข่งขันทั้ง 7 ชนิดกีฬา อย่างเต็มที่แล้ว

เป้าหมายสู่การเป็น “กีฬาสีเขียว“ ตามนโยบายของรัฐบาลและของโลก ตามรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) ก็น่าจะเป็นปฐมบทตอบโจทย์สู่การเป็นกีฬาสีขาว เป็นมิตรกับสิ่งเวียดล้อมได้ดี ที่สำคัญน่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนได้อย่างมากอย่างแน่นอน

## วอน อ่อนวงค์ ##