“กุมภาพันธ์” เดือนแห่งความรัก กับเรื่องราวความรักของ “สหพร กับ สุกัญญา” สองสามีภรรยาคู่รักคนตาบอดที่หลายคนเห็นแล้วอดที่จะอมยิ้มและอิจฉาไม่ได้ เพราะทั้งสองคนครองรักกันมานานกว่า 8 ปี และรักกันมากขึ้นทุกวัน
นายสหพร นิลม่วง อายุ 46 ปี กับ น.ส.สุกัญญา ดาสินธ์ อายุ 38 ปี สองสามีภรรยาผู้พิการทางสายตา ตาบอดทั้งสองข้างมาแต่กำเนิด ทั้งคู่เป็นหมอนวดแผนโบราณมือดีของร้านนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพส่งเสริมอาชีพคนตาบอด หมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ เลขที่ 7/80 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
ประวัติของ “สหพร” ไม่ธรรมดา!! ดีกรีเป็นอดีตนักกีฬายูโดทีมชาติไทย เคยไปแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ ปี 2000 ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แข่งขันชนะเลิศอันดับ 2 ของเอเชีย และติด 1 ใน 8 ของโลก ส่วน “สุกัญญา” เป็นสาวเหนือจ.พะเยา คู่ชีวิตที่คอยดูแลสามีอย่างดีมาตลอด
“สหพร” เปิดใจถึงเรื่องราวชีวิตก่อนจะมาครองคู่กับ “สุกัญญา” ว่า ตนเป็นคนตาบอด แต่ใจไม่บอด ไม่คิดจะเป็นภาระของสังคม เมื่อก่อนตัวคนเดียวเล่นกีฬาด้วย และไปเรียนนวดแผนโบราณเพื่อเป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเอง เจ้าของร้านนวดแห่งนี้นิสัยดีมากเป็นพรรคพวกกัน ชวนตนกับภรรยามาทำงานที่นี่หลายปีแล้ว
ย้อนไป 8 ปีก่อน ช่วงปี 2556 อยู่คนเดียวก็รู้สึกเหงา มีเพื่อนคนหนึ่งแนะนำให้รู้จักกับ “สุกัญญา” แต่เขาอยู่ จ.พะเยา ตนอยู่กรุงเทพฯ เพื่อนก็เอาเบอร์โทรฯมาให้ ตนก็โทรฯไปจีบไปคุยด้วยทุกวัน น้ำเสียงของ “สุกัญญา” นั้นทำให้รู้ได้เลยว่าเธอเป็นคนน่ารักและจิตใจดี จึงคิดว่าคนนี้แหละ “ใช่เลย”
“คุยโทรศัพท์กันประมาณ 1 ปีเศษ แต่ไม่เคยเจอกันเลยสักครั้ง วันหนึ่งตนตัดสินใจที่จะนั่งรถประจำทางจากกรุงเทพฯ ไป จ.พะเยา โดยขอที่อยู่จากสุกัญญาก่อนจะเดินทางไปคนเดียว ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคกับความรักที่มีต่อสุกัญญา เมื่อไปถึงขนส่ง จ.พะเยา ตนก็ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ขนส่งว่า จะไปอำเภอนี้ หมู่บ้านนี้ บ้านเลขที่นี้ พี่เขาก็ใจดีเรียกรถให้ และคนขับรถก็พาไปถึงบ้านของสุกัญญา”
สุกัญญามาต้อนรับที่หน้าบ้านโดยไม่คิดว่าตนจะเดินทางไปหาจริงๆ หน้าตาไม่ได้เห็นกันแต่ได้ยินเสียงก็ดีใจมากที่สุด หัวใจพองโตที่ได้มาเจอสาวคนที่รักครั้งแรก!!
และวันนั้นเองตนก็ตัดสินใจที่จะเอ่ยปากสู่ขอ “สุกัญญา” กับแม่ ซึ่งแม่ของสุกัญญาก็ถามว่า คิดดีแล้วเหรอ? ตนก็ยืนยันหนักแน่นและรับปากจะดูแลลูกสาวแม่เป็นอย่างดี จะรักและซื่อสัตย์ต่อกันตลอดไป จากนั้นเราสองคนก็ได้แต่งงานกันตามประเพณีท่ามกลางญาติทั้งสองฝ่ายเป็นพยานรัก
หลังจากนั้นตนได้พาสุกัญญามาทำงานที่ร้านนวดด้วยกัน เช้าตื่นพร้อมกัน ไปทำงานพร้อมกัน ถือไม้เท้าจูงมือกันไปทำงาน ดูแลกันและกันไม่เคยห่างมาเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว เราสองคนมีความคิดตรงกันว่าต้องช่วยกันทำมาหากิน ใช้จ่ายแต่พอเพียงสร้างเนื้อสร้างตัวกันไป ส่วนเรื่องมีลูกตอนนี้ยังไม่ได้คิดใช้ชีวิตคู่เก็บเงินไปก่อน
เรื่องทะเลาะกันก็มีบ้างเหมือนลิ้นกับฟัน ส่วนใหญ่จะเรื่องไม่เป็นเรื่องมากกว่า แต่ตนถือคติว่า เมื่อยามที่เราสองคนมีปัญหาต้องเปิดใจคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน ห้ามด่ากัน และห้ามเสียงดังใส่กัน ถือเป็นข้อตกลงกันเลยก็ว่าได้
“ตนเชื่อว่าการที่เราจะใช้ชีวิตคู่อยู่กับใครนั้น จะต้องรักช่วยเหลือดูแลกัน เป็นกำลังใจให้กัน ทำอะไรผิดถูกก็บอกกัน ชีวิตคู่ก็จะราบรื่น รักของตนไม่เก่าเลย แม้จะล่วงเลยมา 8 ปีกว่าแล้ว ตนก็รักภรรยาคนนี้มากที่สุด และรักมากขึ้นทุกวัน”
ด้าน สุกัญญา ภรรยาผู้โชคดีนั่งฟังสามีเล่าอมยิ้มไม่หยุดก่อนจะกล่าวว่า หนูโชคดีที่มีพี่เขามาเป็นคู่ชีวิต ตั้งแต่อยู่กันมาพี่เขาจะตามใจหนูทุกอย่าง เวลาอยากไปไหนเขาก็พาไปทุกที่ พาไปดูหนัง เดินห้างสรรพสินค้า พาไปดูหนัง แม้เราทั้งสองคนจะมองไม่เห็นแต่ได้ยินเสียง จินตนาการภาพและสัมผัสกับบรรยากาศก็มีความสุขที่สุดแล้ว
“หนูไม่รู้จะขอบคุณพี่เขายังไง คงบอกได้เพียงว่า หนูรักพี่ที่สุด และจะดูแลกันและกันให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้ หนูรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นที่มีพี่เขาอยู่เคียงข้าง แม่เขาจะตาบอดแต่เหมือนคนตาดีที่พาเราไปได้ทุกที่และทำให้ชีวิตเรามีความสุขในทุกๆ วันค่ะ”
ตลอดเวลาที่เล่าเรื่องราวความรักของทั้งสองคน “สหพร กับ สุกัญญา” นั่งกุมมือกันแน่นต่างมีใบหน้าที่เปี่ยมสุขล้น สหพร กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม จิตใจเราสองคนสู้ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่บอดเหมือนตา จะทำดีเพื่อสังคม จะช่วยเหลือสังคมเท่าที่ทำได้ และจะดูแลความรักของเราตลอดไป..
คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : สมคิด-สมนึก ลือประดิษฐ จ.นนทบุรี
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]