วอร์มเสียงรอมาพักใหญ่แถมหลายคนยังคงรอคอยการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของหนุ่มหล่อ มาริโอ้ เมาเร่อ และสาวสวย ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก กันอย่างมากมาย หลังก่อนหน้านี้กอดคอกันดังหนักมากจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง งานนี้เมื่อมีโอกาสที่ทั้งสองคนกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ก็ทำเอาแฟนๆดีใจหนักมากและอยากรู้ว่างานอะไรที่ทั้งสองคนจะได้แสดงร่วมกันอีก

โดยงานนี้ทั้งคู่ได้มาร่วมงานกันอีกรอบในภาพยนตร์เรื่อง “AI Love You – เอไอหัวใจโอเวอร์โหลด” ภาพยนตร์ที่จะทำให้มุมมองความรักและความคิดของคุณเปลี่ยน ซึ่งวันนี้ yimyim มีโอกาสได้สัมภาษณ์ทั้งสองคน จึงไม่พลาดเอาบทสัมภาษณ์ทั้งหมดมาฝากกัน ไม่อยากให้เสียเวลา ตามมาเลยจ้า

ทักทายแฟนๆเดลินิวส์ออนไลน์สักหน่อย?
ใบเฟิร์น “สวัสดีแฟนๆ เดลินิวส์ออนไลน์นะคะ ใบเฟิร์นค่ะ”
มาริโอ้ “ผมมาริโอ้ครับ”

ห่างหายจากการทำงานร่วมกันมาสิบกว่าปี มาร่วมงานกันครั้งนี้เป็นไงบ้าง?
ใบเฟิร์น “ดีใจ ตื่นเต้นที่ได้กลับมาเจอกันอีกค่ะ”
มาริโอ้ “ดีใจมากครับ ได้มาเจอน้องอีกครั้ง 10 ปีแล้วครับไม่ได้เจอกัน (ยิ้ม)”


ความรู้สึกแรกที่เรารู้ว่าจะต้องกลับมาทำงานร่วมกัน เป็นไงบ้าง?
ใบเฟิร์น “อย่างแรกเลยคือดีใจ แล้วเฟิร์นก็สบายใจ เพราะว่าเฟิร์นพึ่งพาพี่โอ้ได้อีกครั้งหนึ่ง”
มาริโอ้ “ผมก็ดีใจเพราะเฟิร์นเขาก็เต็มที่กับทุกงาน แล้วก็ดีใจที่ได้เจอน้องอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าเจอน้องแว้บๆ ไม่ได้เจองานใหญ่แบบนี้สักครั้งหนึ่งเลย”


อะไรทำให้เราตัดสินใจมาทำงานร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง?
ใบเฟิร์น “ด้วยจังหวะ ด้วยคิวที่มันได้ด้วย แล้วก็บทของภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกด้วยค่ะ แล้วก็ใหม่มาก ไม่เคยเล่นกันแบบนี้เลย เป็นความรักในโลกอนาคตเนอะพี่โอ้”
มาริโอ้ “ใช่เฟิร์น โอ้ก็คล้ายๆ เฟิร์นครับ เพราะมันเป็นบทที่ท้าทายตัวโอ้เองเหมือนกัน เพราะว่าต้องเล่นเป็น AI ต้องเป็นตึกอะไรอย่างนี้ครับ แล้วก็มีจิตใจ แต่ว่าไม่ได้มีร่างกาย แล้วก็มีหลายคาแรกเตอร์ที่ผมต้องเล่นด้วยครับในเรื่อง”


คาแรกเตอร์ของแต่ละคนใกล้เคียงกับตัวเราไหม?
ใบเฟิร์น “เฟิร์นยังโชคดีนะคะ ยังเป็นมนุษย์อยู่ คนนี้ (มาริโอ้) เป็นทุกอย่างเลย เป็น AI เป็นคน เป็นคนหลายบุคลิกด้วย ส่วนเราก็จะเป็นสาวออฟฟิศที่ทำงานที่ตึกนี้อยู่ตลอด ก็จะไม่ได้ไกลตัวมากค่ะ”
มาริโอ้ “ผมก็หนักเลยครับ เพราะว่าอย่างที่เฟิร์นบอก มันเป็นaiด้วย แล้วมันก็มีหลายคาแรกเตอร์ ไม่ใช่แค่ตัว AI ด้วยนะครับ ค่อนข้างจะวาไรตี้เหมือนกันครับ ค่อนข้างสุดโต่งเหมือนกัน เพราะว่าตัวเราเอง… อะ พูดได้แค่นี้แหละครับ”


หลายๆ คนโฟกัสมากเพราะเรากลับมาคู่กันอีก ต้องมีการปรับจูนอะไรกันบ้างมั้ย?
ใบเฟิร์น “ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของตัวละครนะคะ ที่เวิร์กช็อปตามบทไปมากกว่า”
มาริโอ้ “ใช่ครับ โอ้ก็คล้ายๆ เฟิร์น เพราะว่าถ้าเรื่องปรับจูนก็ไม่อยู่แล้ว เพราะเราก็รู้จักกันอยู่แล้ว ก็สนิทกันประมาณหนึ่งเลย พอมาถ่ายมันก็ไม่ได้ต้องความรู้จักอะไรกัน รู้จักกันมานานแล้ว แต่ว่าที่โฟกัสเลยก็คือเรื่องคาแรกเตอร์ที่เราต้องถ่ายทอดออกมา”


ตัวเราคาดหวังกับผลตอบรับขนาดไหนกับเรื่องนี้ เพราะว่าก่อนหน้านี้ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ประสบความสำเร็จมากๆ?

มาริโอ้ “จริงๆ แค่ได้มาเจอกันก็ดีใจมากแล้วครับ เพราะว่าเราไม่ได้ร่วมงานกันมานาน แล้วก็ได้มาร่วมงานกันในผลงานที่เป็นผู้กำกับนอกด้วย ก็ยิ่งตื่นเต้นไปอีกครับ ก็เลยคิดว่าน่าจะถูกใจแฟนๆ เพราะว่าเราก็แฮปปี้นะครับที่ได้มาร่วมงานกันอีก”
ใบเฟิร์น “คาดหวังให้แฟนๆ หายคิดถึงค่ะ ทุกคนเรียกร้องเข้ามาตลอด 11 ปีที่ผ่านมา ก็อยากให้ทุกคนได้เห็นเราในผลงานชิ้นนี้ แล้วก็ได้หายคิดถึงเรา 2 คนค่ะ”


อย่างเราสองคนเติบโตมาจากตอนนั้น ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ได้เอาเคล็ดลับที่ได้ระหว่างนั้นมาใช้กับเรื่องนี้บ้างไหม?
ใบเฟิร์น “ก็พึ่งพี่โอ้ค่ะ 10 ปีที่แล้วพึ่งยังไง ปีนี้ก็ยังพึ่งอย่างนั้น”
มาริโอ้ “ผมว่าน้องเขาประสบการณ์เยอะขึ้นมาก แล้วเฟิร์นก็ได้ผ่านเรื่องโหดๆ หนักๆ เยอะมากเลย ผมว่ามาเจอเรื่องนี้มันก็ค่อนข้างที่จะเบาลง เพราะหนังเราเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ มันก็ไม่ได้ต้องใช้อารมณ์รุนแรงอะไรขนาดนั้นครับ”


การทำงานของใบเฟิร์นกับมาริโอ้แตกต่างจากเดิมไหม หรือยังเหมือนเดิมอยู่?
ใบเฟิร์น “สำหรับเฟิร์นว่ามันซิงค์มากๆ เลยนะคะ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องนัดแนะต้องเตี๊ยมอะไรเลย มองกัน ดูกันในฉาก แล้วก็ฟังกัน แค่นั้นเลย ก็ยังง่ายเหมือนเดิม”
มาริโอ้ “ใช่ โอ้ก็คล้ายๆ กัน เพราะว่าเรามีผู้กำกับ แล้วก็ผู้ช่วยด้วย ที่เขาคอยมาช่วยเรา เราก็พยายามทำมันออกมาให้ได้ เรื่องของคอนเนกชั่นหรือเคมีผมว่าเราค่อนข้างจูนกันได้ง่ายอยู่แล้ว”


ประทับใจอะไรในการทำงานของกันและกัน?
ใบเฟิร์น “พี่โอ้เป็นคนสบายๆ มาก เป็นความสบายใจ ไม่ว่าจะเป็นเฟิร์นวันโน้น หรือเฟิร์นวันนี้ เวลาเข้าฉากหรือรอเข้าฉากกับพี่โอ้ ก็จะแบบเป็นความสบายใจเสมอ เล่นด้วยแล้วก็จะไม่เกร็งค่ะ”
มาริโอ้ “ผมว่าเฟิร์นเป็นคนที่รับส่งดีมาก เวลาผมเล่นกับเฟิร์นแล้วรู้สึกว่าเขามีคอนเนกชั่นกับเรา เวลาเราพูดไปเขาก็ฟัง เวลาเขาพูดเราก็รู้สึกว่าอินกับตัวละคร แล้วก็เชื่อจริงๆ ก็เลยทำให้ง่ายครับเวลาเราร่วมงานกัน”


แสดงว่าการทำงานก็ง่ายเหมือนครั้งแรกที่เจอกันใช่ไหม?
มาริโอ้ ” ใช่ครับ แต่มันก็นานแล้วนะ 10 ปีแล้ว”
ใบเฟิร์น “(หัวเราะ)”

แอบถามนิดหนึ่ง เรื่องนี้จะมีความสนุกยังไงบ้าง สปอยให้ฟังนิดหนึ่งได้ไหม?
ใบเฟิร์น “มันดูเป็นความรักที่ มันจะเป็นจริงได้ยังไง AI กับคน รู้สึกว่าแค่นี้มันก็น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว แถมยังเป็นโลกอนาคตอีก เฟิร์นว่าแค่นี้ก็คุ้มค่าแก่การรับชมค่ะ”


ยากมั้ยคะกับคาแรกเตอร์ที่มาเล่นของแต่ละคน?
มาริโอ้ “คาแรกเตอร์ที่โอ้เล่นก็ยากอะ อย่างที่น้องบอกว่ามันจะเป็นจริงไปได้เหรอ อย่าง AI จะมาหลงรักคน แล้วมันสานต่อกันยังไง มันเป็นแค่คอมพิวเตอร์ เป็นแค่ซอฟต์แวร์ แต่มันก็มีจิตใจ ซึ่งเราก็ต้องทำการบ้านว่าตอนที่มันหลุดออกมา มันจะเป็นยังไง ในการที่มันจะกลับมาหาเขาอะไรอย่างนี้”


อย่างพี่โอ้ต้องดู reference แบบไหน ถึงจะเข้าถึงคาแรกเตอร์นี้ได้?
มาริโอ้ “จริงๆ ผมก็ดูพวกหุ่นยนต์ครับ ว่าเขามี movement ยังไง เพราะมันต้องมีความเป็น AI อยู่แล้วครับ แฟนๆ หลายคนยังติดตามเราตั้งแต่ 10 ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ คิดว่าอะไรที่เป็นเสน่ห์ให้แฟนๆ ยังติดตามเราเหนียวแน่นขนาดนี้”
ใบเฟิร์น “มันน่าจะเป็นที่ตัวละครของเราเนอะ ตั้งแต่สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก”
มาริโอ้ “ใช่ครับ อย่างโอ้เองครั้งแรกที่ดูเรื่องโน้น มันก็รู้สึกอินมาก แล้วมันก็รู้สึก touching ผมมาก แล้วผมว่ามันส่งต่อมาถึงวันนี้ เพราะว่าเรื่องนั้นมันทำให้คนคอนเนกได้ทุกๆ ช่วงวัย ไม่ว่าเขาจะโตหรือเขาจะเด็ก เขาก็อินกับพวกเรา ขนาดโอ้ไปดูแค่ซีนพี่น้องกันผมก็ยังน้ำตาไหลเลย เลยรู้สึกว่าหนังมันมีอะไรที่ touching คนครับ”


อย่างเราผ่านการแสดงมาหลายรูปแบบแล้ว ยังมีบทบาทไหนที่เราอยากเล่นอีกไหม?
มาริโอ้ “เฟิร์นมีอะไรอยากเล่นมั้ย”
ใบเฟิร์น “เฟิร์นอยากเล่นหมดเลย อยากเล่นหมดเลยจริงๆ เพราะต่อให้เป็นคอมเมดี้เหมือนกัน ดราม่าเหมือนกัน ตัวละครแต่ละตัวภูมิหลังมันไม่เหมือนกัน ยังไงมันก็แตกต่างกันแน่นอน”
มาริโอ้ ” ใช่ครับ โอ้ก็คล้ายๆ เฟิร์น ต่อให้มันเป็นหนังรักคอมเมดี้ หรือว่าจะเป็นหนังผี หรือเป็นหนังอะไรก็ตาม มันก็เป็นอะไรที่เบสไม่เหมือนกันเลย ตัวละครที่เรารับมันก็ไม่เหมือนกันเลย ต่อให้เป็นอารมณ์หรือแนวของภาพยนตร์ที่คล้ายๆ กันมันก็ไม่เหมือนกันอยู่ดีครับ”

อย่างเราก็มีประสบการณ์ เราได้อะไรจากวงการนี้บ้าง?
ใบเฟิร์น “โห เยอะมากเลยเนอะ สิ่งที่ได้จากวงการชัดๆ ที่สุดเลยคือเฟิร์นรู้สึกว่าจุดยืนเราอยู่ตรงไหน เราอยู่ตรงนี้เพราะอะไร ถามตัวเองทุกครั้งในวันที่กระแสมีทั้งดี มีลบ มีข่าวต่างๆ รู้สึกว่าเฟิร์นเข้ามาตรงนี้เพราะอยากเป็นนักแสดง เป็นนักแสดงที่ดี เพราะฉะนั้นมันก็คือจุดยืนที่ทำให้เราเข้มแข็ง แล้วก็จะไม่ไหลไปกับกระแสหรือว่าเรื่องอะไรก็ตาม เราจะอยู่บนความเป็นนักแสดงจากนี้และตลอดไป”
มาริโอ้ “โอ้ก็รู้สึกว่ามันเป็นงานที่มีเกียรติครับ ตอนแรกๆ ผมก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นงานที่มีเกียรติหรืออะไร แต่พอทำมาเรื่อยๆ เรารู้สึกว่ามันเป็นงานที่มีค่ามาก สำหรับตัวเราเองและสำหรับคนดู แล้วเราก็คิดว่าที่เราทำไปก็ทำเพื่อให้มันส่งเมสเสจอะไรสักอย่างไปให้คนดูครับ ไม่ว่าจะเป็นแค่ทำให้เขาหัวเราะ ผมก็รู้สึกว่าผมทำงานของผมได้ดีแล้วครับ”


นอกจากมีแฟนไทยแล้ว เราก็มีแฟนต่างชาติ แฟนทั่วโลก เราอยากส่งความรู้สึกอะไรถึงเขาบ้างไหม?
ใบเฟิร์น “คำขอบคุณค่ะ เพราะว่าผ่านมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี ทุกคนก็ยังรักและชื่นชม ผลงานภาพยนตร์ของพวกเรายังอยู่ในใจเขามาตลอด และเขาก็คิดถึง การคิดถึงตลอด 10 กว่าปีมันน่าขอบคุณมากๆ แล้วก็หวังว่างานชิ้นนี้ของเรา2คนจะทำให้เขาหายคิดถึงแทนคำขอบคุณที่ฝั่งเราตอบกลับไปค่ะ”
มาริโอ้ “โอ้ก็เหมือนกันครับ ก็อยากขอบคุณแฟนๆ ของเราทุกๆ คนเลยที่เป็นแฟนคลับของโอ้กับเฟิร์น ที่รอพวกเรามาเป็น 10 ปี แล้ววันนี้ก็จะได้ชมผลงานของพวกเราอีกชิ้นหนึ่งแล้วครับ ก็ดีใจแล้วก็ขอบคุณมากๆ เลยที่ซัพพอร์ตเรามา อยากบอกว่าพวกเขาเป็นกำลังใจของเรามากๆ ในการที่พวกเราจะทำงาน แล้วก็เวลาเราเห็นคอมเมนต์ เห็นอะไรอย่างนี้เราก็รู้สึกดีใจที่คนเขารอดูเราอยู่ แม้กระทั่งเขาไม่ได้อยู่ประเทศเดียวกับเรา เขาไม่ได้ฟังพูดภาษาเดียวกับเรา แต่เขาก็รักเรา ซัพพอร์ตเรา”


ฝากทิ้งท้ายถึงผลงานนี้หน่อย?
มาริโอ้ “ก็ฝากผลงานชิ้นนี้ไว้ด้วยนะครับ ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่โอ้ได้มาเจอกับเฟิร์นใน 10 ปี ได้มาเจอเรื่องนี้ก็ดีใจมากๆ อยากให้คนดูได้ภาพยนตร์เรื่องนี้ของเราสองคนครับ”
ใบเฟิร์น “AI Love You เอไอหัวใจโอเวอร์โหลด ฝากด้วยค่า (ยิ้ม)”

เรียกว่าเต็มอิ่มจุใจกันอย่างมากทีเดียวกับมุมมองและทัศนคติดีๆของหนุ่มมาริโอ้และสาวใบเฟิร์นที่มีต่อกันและต่อการทำงาน ซึ่งแฟนๆที่รักพวกเขาก็รักต่อไปได้เลย เพราะพวกเขามี “ของ” และความสามารถมากมายมาพัฒนาการแสดงและให้ความสุขกับแฟนๆได้แน่นอนจ้า คอนเฟิร์ม


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”