ปลุกกระแสเคซอมบี้ ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง สำหรับ “มัธยมซอมบี้ (All of Us Are Dead)” ซีรี่ส์เรื่องล่าสุดจาก “เน็ตฟลิกซ์  (Netflix)”  สร้างขึ้นจากเว็บตูนเรื่องดังของ จูดงกึน  เรื่อง “ตอนนี้ โรงเรียนของเรา.. (All Of Us Are Dead)” บน “เนอเวอร์ (Naver)” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น “นิยายภาพซอมบี้สไตล์เกาหลี” ที่ใส่จินตนาการลงไปสุดทาง  มาพร้อมรายละเอียดที่พิถีพิถัน และเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เหนือความคาดหมาย เพราะมากับฝูงซอมบี้สุดแหวกแนว ต่างไปจากซีรีส์ซอมบี้เรื่องอื่นๆ และนับเป็นซีรีส์เรื่องแรกของเกาหลี ที่มากับพล็อตซอมบี้วัยรุ่นและการเอาชีวิตรอด

โดยได้ผู้กำกับฝีมือเยี่ยม อีแจคยู ซึ่งเคยสร้างซีรีส์เกาหลียอดฮิตมามากมาย มาถ่ายถอดผลงานซอมบี้ Gen-Z  พร้อมทั้งทัพนักแสดงรุ่นใหม่ มากความสามารถ นำโดย พัคจีฮู ยุนชานยอง โจอีฮยอน โรมน ยูอินซู อียูมี และ อิมแจฮยอก ที่แต่ละคนล้วนมีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น และโกยหัวใจแฟน ๆ ทำให้อินสุด ๆ ไปกับเรื่องราวสุดสยองขวัญที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมธรรมดาแห่งหนึ่ง ที่จู่ๆ ก็ถูกครอบงำโดยไวรัสซอมบี้ ทำให้เหล่านักเรียนในโรงเรียนติดเชื้อลุกลามกันอย่างรวดเร็ว มีเพียงนักเรียนส่วนน้อยที่ถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยวตามส่วนต่างๆ ของโรงเรียน เรื่องราวความวุ่นวายและความสยดสยองนี้เกิดขึ้นจากกลุ่มนักเรียนที่ต้องรวมกลุ่มกัน เพียงเพื่อจะเอาชีวิตรอดโดยปราศจากมิตรภาพ!

นอกจากนี้ยังมาพร้อมงานโปรดักชั่นอลังการ เพื่อสร้างซีรีส์วัยรุ่นที่มีความซีเนมาติกที่สุด ซึ่งผู้กำกับจึงลงทุน สร้างฉากสูงร้อยเมตรของอาคาร 4 ชั้น พร้อมห้องต่างๆ ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นห้องโสตทัศนศึกษา, ห้องดนตรี, โรงอาหาร, ห้องสมุด และหอประชุม ทำให้ฉากโรงเรียนแห่งนี้ยิ่งสมจริง การใช้อุปกรณ์ประกอบฉากอย่างชาญฉลาดก็เสริมให้ฉากแอคชั่นใหญ่ๆ ที่เกิดตามสถานที่ต่างๆ โดดเด่นและน่ากลัวยิ่งขึ้น

รวมถึงซอมบี้โฉมใหม่ในเรื่องยังเป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของทีมนักออกแบบท่าเต้นผู้คร่ำหวอดในวงการ อย่าง กุกจุงอี ที่มีผลงานโดดเด่นมาตั้งแต่ “ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด (Kingdom)”  ซีซั่น 2 ไปจนถึง “The Cursed: Dead Man’s Prey” โดยระบุว่าเขาเน้นไปที่การนำเสนอ “แง่มุมที่พิสดาร แต่มีลักษณะทางกายภาพที่เหนือกว่ามนุษย์ รวมไปถึงการแสดงออกว่าพวกมันสามารถคิดและพูดได้เหมือนมนุษย์” ผ่านความพิถีพิถันในการออกแบบท่าทางการเคลื่อนไหวอย่างละเอียดของเหล่าซอมบี้ นอกจากนี้ยังมีการออดิชั่นเพื่อคัดเลือกนักแสดงกว่า 60 ชีวิตมารับบทซอมบี้โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ภาพซอมบี้ที่ดีและสมจริงที่สุดออกสู่สายตาผู้ชม ซึ่งบรรดานักแสดงซอมบี้เหล่านี้ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างรอบด้านนาน 3-4 เดือน โดยมีทั้งทีมสอนการแสดงที่ช่วยโค้ชการแสดงออกทางสีหน้า ทีมนักออกแบบท่าเต้นที่ช่วยฝึกซ้อมการเคลื่อนไหวสุดสยอง และทีมสอนศิลปะการต่อสู้ที่ช่วยสอนในฉากโลดโผน เพื่อเก็บรายละเอียดของการแสดงให้ได้มากที่สุด

ซึ่งผู้กำกับ อีแจคยู ได้แนะเคล็ดลับเล็กๆ ที่จะทำให้สามารถรับชมซีรีส์ “มัธยมซอมบี้ (All of Us Are Dead)” อย่างเต็มอรรถรสมากขึ้น โดยการเปิดเสียงดังกว่าปกติ พร้อมเน้นย้ำถึงคุณภาพของรายละเอียดเสียงที่ใส่มาในซีรีส์  ซึ่งแฟน ๆ จะได้ยินเสียงกระดูกหักที่ฟังแล้วชวนขนลุกไม่ได้! และอีกเคล็ดลับหนึ่งคือให้หรี่แสงไฟลง  ลองปิดโคมไฟที่ให้แสงสบายตา แล้วสนุกไปกับความตื่นเต้นด้วยจอขนาดใหญ่ที่สุดที่คุณมี!  

ล่าสุด “ฮาอึน” มีโอกาสได้เข้าร่วมสัมภาษณ์ เหล่านักแสดงนำ อย่าง พัคจีฮู, ยุนชานยอง, โจอีฮยอน, โรมน และ ผู้กำกับ อีแจคยู แบบสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดยเปิดใจให้ฟังทั้งเรื่องการถ่ายทำ รวมถึงสารที่สื่อผ่านซี่รี่ส์เรื่องดังกล่าว งานนี้จึงไม่พลาดนำมาฝากแฟน ๆ กัน

Q :  นักแสดงแต่ละคนในเรื่องนี้ต่างเป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการบันเทิงเกาหลี คุณมีแนวทางในการแคสติ้งจนได้มาเป็นไลน์อัปนี้อย่างไรบ้าง?

ผู้กำกับ อีแจคยู : ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการแคสติ้งนักแสดง คือคัดเลือกนักแสดงที่มีบุคลิกคล้ายคลึงกับลักษณะของตัวละครของเว็บตูนต้นฉบับ และต้องเป็นนักแสดงที่สามารถแสดงและสื่ออารมณ์ได้เป็นอย่างดี ความสมจริงของการแสดงและเหตุการณ์เป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน การจัดเตรียมฉากถ่ายทำเป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน แต่ความเหมือนจริงเป็นสิ่งที่พวกเราทุ่มเทอย่างมาก ทั้งกับการฝึกซ้อมเพื่อให้นักแสดงได้เข้าถึงตัวละครและสื่ออารมณ์และท่าทางต่างๆ ออกมา และถ่ายทอดให้ผู้ชมได้เห็นภาพที่สมจริงครับ

Q :   ตัวละคร “อนโจ”  มีความกล้าหาญ ตัวจริงของคุณ “พัคจีฮู”  กับบทบาทที่คุณแสดงเหมือนกันอย่างไรบ้าง คุณเป็นนักแสดงที่มีอายุน้อยที่สุดของกลุ่มนักแสดงในเรื่อง ระหว่างการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้พวกคุณสนิทสนมกันมากขนาดไหน และเคมีระหว่างพวกคุณเป็นอย่างไรบ้าง?

พัคจีฮู : ฉันและตัวละคร ‘อนโจ’ เหมือนกันมากค่ะ มีความซุ่มซ่าม สดใส ชอบเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆเหมือนกัน มีหลายครั้งที่ฉันคิดว่าถ้าฉันเป็น ‘อนโจ’  ฉันก็คงตัดสินใจแบบนี้เหมือนกัน พวกพี่ๆก็บอกว่าฉันเหมือนกับ ‘อนโจ’ มาก ถึงฉันจะเป็นน้องเล็กในกองถ่ายแต่ก็สนิทกับพี่ๆ และมีนัดเจอกันตอนก่อนเริ่มถ่ายทำ พูดคุยเกี่ยวกับบทด้วยกัน พี่ๆ ทุกคนเป็นกันเองมาก และช่วยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องสอบเข้ามหาลัยและการใช้ชีวิตด้วยค่ะ

Q :   ในชีวิตจริงของคุณมีประสบการณ์เกี่ยวกับซอมบี้อย่างไรบ้าง คุณชอบหรือสนใจผลงานแนวซอมบี้หรือไม่ และช่วยเล่าถึงการเตรียมตัวและความยากของการถ่ายทำฉากแอคชั่นในห้องสมุดให้ฟังหน่อยได้ไหม?

ยุนชานยอง : ปกติผมชื่นชอบผลงานแนวซอมบี้อยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่อง ‘เวิล์ด วอร์ ซี (Word War Z)’, ‘ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง (Train to Busan)’ และ ซีรีส์  ‘แบล็ก ซัมเมอร์ (Black Summer)’ พอได้ร่วมแสดงในผลงานเกี่ยวกับซอมบี้ผมจึงรู้สึกดีใจมากครับ สำหรับการถ่ายทำฉากแอคชั่นในห้องสมุด ผมฝึกซ้อมท่าทางและแนวการแสดงก่อนถ่ายทำจริงทั้งวันร่วมกับสต๊าฟและนักแสดงคนอื่นๆ และใช้เวลาถ่ายทำนานนานถึง 4 วันสำหรับฉากนั้นฉากเดียวครับ ฉากนั้นเป็นฉากที่ชองซานและกวีนัมต้องปะทะกัน ต่างคนต่างข่มขู่และหลบเลี่ยงกันและกัน

Q :  “นัมรา” เป็นหนึ่งในตัวละครที่แกร่งที่สุดในเรื่อง คุณมีแนวทางในการถ่ายทอดบทบาทตัวละครของคุณอย่างไรบ้าง และอะไรที่ดึงดูดให้คุณเข้าถึงตัวเธอ และช่วยเล่าถึงการเตรียมตัวสำหรับการแต่งหน้า ฉากแอคชั่น โดยเฉพาะฉากที่แสดงร่วมกับ “โจอีฮยอน” ที่รับบทเป็น “เสี้ยวบี้” (ครึ่งคนครึ่งซอมบี้)?

โจอีฮยอน : ในระหว่างที่เพื่อนคนอื่นๆ กำลังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์สุดระทึก ‘นัมรา’ เป็นคนที่ควบคุมสติได้ดีที่สุด และฉันคิดว่านั่นเป็นเสน่ห์ของเธอ สำหรับการเตรียมตัวสำหรับฉากที่ต้องแสดงเป็นครึ่งคนครี่งซอมบี้ ฉันได้เข้าคลาสที่โรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ และตั้งใจฝึกฝนการใช้นิ้วท่าทาง และการแสดงสีหน้าแบบซอมบี้ค่ะ

Q :  คุณเรียนได้รู้อะไรจากตัวละครของคุณบ้างในแง่ของการเอาชีวิตรอด ในบรรดาฉากเอาตัวรอดทั้งหมด คุณชอบฉากในมากที่สุด และเหตุผลคืออะไร?

โรมน : ทั้งผมและ ‘ชานยอง’ มีฉากแอคชั่นที่มากกว่าคนอื่น พวกเราจึงต้องเข้าคลาสเพื่อฝึกซ้อมก่อนเริ่มถ่ายทำจริงถึง 3 เดือน และหมั่นฝึกซ้อมกันส่วนตัวด้วยครับ ในการแสดงผมพยายามจินตนาการอยู่เสมอว่า ถ้าผมเป็นเด็กมัธยมหรือเป็นซูฮยอกผมจะตัดสินใจยังไง แล้วโรมนในชีวิตจริงจะเลือกทางไหน โชคดีที่ผมและตัวละครของผมเหมือนกันในหลายๆเรื่อง ทำให้ผมโฟกัสกับตัวละครได้ดีขึ้นครับ ส่วนฉากที่ผมชื่นชอบมากที่สุด คือฉากแอคชั่นในตัวอย่างอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นฉากจากตอนที่2 และเป็นฉากแอคชั่นครั้งแรกของผม หลังจากที่เพียรฝึกซ้อมอย่างหนักมาสามเดือน นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นผลงานแนวซอมบี้ แม้แต่เมคอัพก็ยังสมจริง ช่วยทำให้ผมแสดงได้อย่างมีชีวิตชีวาครับ

Q :  ถ้าคุณถูกขังอยู่ในโรงเรียนที่รายล้อมไปด้วยฝูงซอมบี้เหมือนในซีรีส์ คุณคิดว่าคุณจะมีชีวิตรอดออกมาได้มั้ย คุณคิดว่าใครในบรรดาพวกคุณจะจากไปเป็นคนแรก และใครที่จะอยู่รอดจนถึงตอนสุดท้าย?

โจอีฮยอน : ฉันว่าฉันน่าจะอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายค่ะ ฉันไม่แน่ใจว่า ‘นัมรา’ จะเป็นยังไง แต่สำหรับ ‘โจอีฮยอน’ ในชีวิตจริง ฉันเป็นคนขี้กลัวและคงจะแอบหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ คงไม่คิดจะออกไปต่อสู้กับฝูงซอมบี้ ส่วนคนที่น่าจะตายเป็นคนแรกๆ เลยคิดว่าเป็นโรมนค่ะ เพราะนิสัยเขาเหมือนตัวละคร ‘ซูฮยอก’ ที่มีความเป็นผู้นำและชอบออกตัวช่วยเหลือคนอื่น ในระหว่างที่ต่อสู้กับฝูงซอมบี้อาจจะโดนกัดตายก่อนได้ค่ะ

ยุนชานยอง :  ผมน่าจะตายก่อนเพื่อนเลยครับ เพราะซอมบี้ว่องไวและอันตรายมากว่าที่คิดไว้มาก ถ้าสักแต่จะสู้โดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อนก็อาจจะโดนกัดโดยไม่รู้ตัว ผมคิดว่าจีฮูน่าจะเอาตัวรอดได้นานที่สุดครับ เพราะเธอเฉลียวฉลาดและเรียนหนังสือเก่ง น่าจะหาทางหนีรอดได้จนถึงที่สุด

Q :   มัธยมซอมบี้ (All of Us Are Dead) ไม่ใช่แค่ซีรีส์ซอมบี้ธรรมดาทั่วไป แต่มีการพูดถึงปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในโรงเรียน เช่น การกลั่นแกล้ง และการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น เพราะอะไรคุณจึงรวมปัญหาทั้งหมดเหล่านี้เข้ากับธีมซอมบี้?

ผู้กำกับ อีแจคยู: ปัญหาต่างในเรื่องไม่ใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น เพราะฉากหลังของเราเป็นโรงเรียนหลายคนเลยคิดว่าเป็นเรื่องที่ในโรงเรียนเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะที่อยู่ที่แห่งหนใดบนโลก คุณก็สามารถประสบปัญหาเรื่องแตกต่างระหว่างชนชั้น วัย หรือ ศาสนาได้ทั่วไป ‘มัธยมซอมบี้ (All of Us Are Dead)’ แค่รวมปัญหาเหล่านั้นมารวมไว้ในฉากหลังที่เป็นโรงเรียน ตอนเริ่มดูแรกๆ อาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องราวในโรงเรียน แต่ถ้าติดตามชมไปเรื่อยๆ ก็จะสัมผัสได้ว่ามันเป็นประเด็นปัญหาที่กว้างมาก และเป็นเรื่องที่สามารถเกิดได้กับพวกเราทุกคนซึ่งผมคิดว่าผู้ชมทั่วโลกน่าจะเพลิดเพลินและสัมผัสได้ถึงความแปลกใหม่ครับ ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือตอนผมเป็นเด็กๆ เวลามีเพื่อนตกน้ำ เราก็จะพากันกระโจนลงไปเพื่อช่วยเพื่อน เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นสิบปีก่อนหรือในตอนนี้ แต่พอเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เราต้องเลือกหนทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับครอบครัวและเพื่อนของเรา เพราะฉะนั้นถ้าเห็นใครตกน้ำก็คงไม่มีใครยอมกระโดดลงน้ำเพื่อไปช่วย แต่เด็กๆ ไม่ใช่อย่างนั้น การกระทำมักมาก่อนความคิด มีเด็กวัยรุ่นจำนวนมากที่ยืนยันจะช่วยเหลือเพื่อนก่อนไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ตาม พอได้เห็นเช่นนั้นแล้วมันทำให้เราตั้งคำถามว่าวิถีของผู้ใหญ่คืออะไร  และสิ่งที่เราถูกปลูกฝังนั้นส่งผลกับการใช้ชีวิตในสังคมอย่างไรบ้าง ถ้าคุณได้เห็นว่ากลุ่มวัยรุ่นใน ‘มัธยมซอมบี้ (All of Us Are Dead)’ เลือกที่จะตัดสินใจเช่นไรเพื่อเอาชีวิตรอดและปกป้องเพื่อน ๆ อย่างไร คุณน่าจะให้แง่คิดอะไรหลายอย่างกับผู้ใหญ่ครับ

Q :  อาวุธที่ดีที่สุดสำหรับป้องกันอันตรายจากฝูงซอมบี้คืออะไร ถ้าสามารถขอสิ่งของ เพื่อเอาตัวรอดหรือเพื่อต่อสู้กับซอมบี้ได้ 1 อย่าง จะเลือกอะไร?

พัคจีฮู : จริงๆแล้วทุกอย่างรอบตัวในโรงเรียนสามารถใช้เป็นอาวุธได้ทั้งหมดค่ะ แต่ฉันว่าไม้ถูพื้นน่าจะเป็นอาวุธที่ดี เพราะเมื่อหักออกมาแล้วด้ามของมันแหลมสามารถใช้แทงซอมบี้ได้ แต่ถ้าให้เลือกฉันขอเลือกธนูกับลูกศร  เพราะใช้ยิงจากระยะไกลได้และใช้แทงเวลาซอมบี้พุ่งเข้ามาในระยะประชิดได้ค่ะ

โรมน : ไม้เบสบอลครับ เพราะสามารถใช้ตีหัวก็ได้ หรือใช้ป้องกันซอมบี้กัดก็ได้ครับ

Q :  ฝากผลงานหน่อย?

ผู้กำกับ อีแจคยู : อยากให้ทุกคนช่วยติดตามว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเรา  จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสิ้นหวัง หรือเป็นการเริ่มต้นของความหวังครับ

Gallery

ทำใจให้กล้าหาญ และเตรียมอาวุธให้พร้อม ก่อนไปลุ้นเอาตัวรอดกับซอมบี้ Gen-Z  ใน “มัธยมซอมบี้ (All of Us Are Dead)” ทาง “เน็ตฟลิกซ์ ”